รวบ2หนุ่มบ้านน้ำจั้น อดีต รปภ.รุมแทงฆ่าโหดหนุ่มกรีดยาง ลากศพไกลร่วมกิโล อำพรางแขวนคอใส่ราวสะพาน อ้างโมโหถูกผู้ตายเปิดไฟสูงใส่หน้า ตะโกนด่าให้ของลับ 

รวบ2หนุ่มบ้านน้ำจั้น อดีต รปภ.รุมแทงฆ่าโหดหนุ่มกรีดยาง ลากศพไกลร่วมกิโล อำพรางแขวนคอใส่ราวสะพาน

อ้างโมโหถูกผู้ตายเปิดไฟสูงใส่หน้า ตะโกนด่าให้ของลับ

 

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 30 ต.ค.64 ที่หน้าอาคารตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.หัสชัย เรืองมาลัย รอง ผบช.ภ.4 ,พล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ,พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 ,พ.ต.อ.อารัก มะสาธานัง รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ, พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ นุมานิต รอง ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ,พ.ต.อ.วิโรจน์ สีน้ำเงิน รอง ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.อัครวินต์ สุคนธวิท ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.สุกฤษณ์ ข้อร่วมคิด ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.4,พ.ต.ท.ธนกร พัฒนนันแก้ว รอง ผกก.สส.1บก.สส.ภ.4 ,พ.ต.ท.สมภพ กองสมบัติ รอง ผกก.สส.1บก.สส.ภ.4 ,พ.ต.ต.หญิงทัศธนาวดี หิมพรหม สว.ฯ,พ.ต.ท.พ.ต.ท.กวีพนธ์ พงศ์สุวรรณพร สว.สภ.ป่งไฮ พร้อมชุดปฏิบัติการ บก.สส.ภ.4, กก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ และ สภ.ป่งไฮ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดีฆ่าแขวนคอ ผู้ต้องหา 2 คน มี1. นายเจษฎา รัตนะมาลี หรือเจ๊ก อายุ 33 ปี ที่อยู่ 67 หมู่ 2 ต.นํ้าจั้น อ.เซกา จ.บึงกาฬ ตามหมายจับศาลจังหวัดบึงกาฬที่ 108/2564 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2564 2.นายจักรพงษ์ สาธร หรือเอ อายุ 28 ปี ที่อยู่ 89 หมู่ 2 ต.นํ้าจั้น อ.เซกา จ.บึงกาฬ ตามหมายจับศาลจังหวัดบึงกาฬที่ 109/2564 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2564 ข้อหา“ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ”

ของกลางมี 1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น Click 125i สีขาว-ดํา หมายเลขทะเบียน 2ขฉ-8290 กรุงเทพฯ จํานวน 1 คัน 2.เสื้อ รปภ. สีดํา แขนยาว มีกระดุมด้านหน้า จํานวน1ตัว 3.กางเกงบอลสีดําขาสั้น มีแถบสีเขียวอ่อน 3 เส้นด้านข้าง จํานวน1ตัว 4.รองเท้าบูทสีดํา จํานวน 1 คู่ 5. มีดด้ามไม้ ความยาวรวมด้ามประมาณ1ฟุตจํานวน1เล่ม

พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 07.00 น. วันที่ 16 ต.ค.64 ที่ผ่านมา สภ.ป่งไฮ รับแจ้งมีเหตุพบศพถูกฆ่าแขวนคออยู่บริเวณรราวสะพานข้ามฝายนํ้าห้วยทรายเขตบ้านคําบอน ม. 13 ต.นํ้าจั้น อ.เซกา จ.บึงกาฬ สภาพศพถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณหน้าอก 4แผล และถูกรัดคอด้วยเชือกและเสื้อของผู้ตายถูกนํามาอุดปากแขวนศพติดราวสะพานฝายน้ำล้นข้ามลำห้วย เป็นการอําพรางปิดบังสาเหตุการเสียชีวิต

ผบช.ภ.4 กล่าวอีกว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ และสะเทือนขวัญ เป็นที่น่าสนใจของประชาชน ประกอบกับ พฤติการณ์ในการกระทําความผิดโหดร้ายทารุณ คนร้ายที่ก่อเหตุมิได้เกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใด ผู้บังคับบัญชาจึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ ผกก.สส.1บก.สส.ภ.4นำกำลัง บก.สส.ภ.4 ร่วมกับ ภ.จว.บึงกาฬ ลงพื้นที่สืบสวนเพื่อหาพยานหลักฐานจับกุมผู้ก่อเหตุมาดําเนินการตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนพยานตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ ตรวจสอบไทม์ไลน์ของผู้ตายโดยละเอียด จนทำให้ทราบว่า เวลาประมาณ 21.30 น.วันที่ 15 ต.ค.64 ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านสันติภาพ ม.10 ไปกรีดยางที่บ้านคําบอน ม.13ห่างจากบ้าน 5 กม.กระทั่งพบเป็นศพในวันถัดมา จากการสืบสวนพบว่ามีบุคคลต้องสงสัยได้หายตัวไปหลังเกิดเหตุ คือนายจักรพงษ์ สาธร หรือเอ หลังติดตามตัวนายจักรพงษ์ฯมาสอบสวน และรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุโดยร่วมกับนายเจษฎา รัตนะมาลี หรือเจ๊ก

ในวันเกิดเหตุนายจักรพงษ์ฯ และนายเจษฎาฯ นั่งดื่มสุราและเสพยาเสพติดด้วยกัน และชวนกันขับขี่ รถจักรยานยนต์เล่นกันภายในหมู่บ้าน เมื่อมาถึงบริเวณสามแยกหมู่ 13 เจอแสงไฟสูงรถจักรยานยนต์ที่วิ่งสวนทางมาทั้งสองจึงตะโกนด่าให้ของลับ ผู้ตายจึงตะโกนด่าท้าทายไปว่า”มึงรู้มั้ยว่ากูเป็นใคร” นายจักรพงษ์ฯ และนายเจษฎาฯ โมโหที่ถูกด่า จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไป และเรียกให้ผู้ตายจอดรถลงมาเคลียร์ พร้อมโต้เถียงด่าชกต่อยกัน นายจักรพงษ์ฯและนายเจษฎาฯจึงได้ใช้อาวุธมีดที่พกติดตัวมาแทงผู้ตายหลายครั้งจนแน่นิ่งหายใจรวยริน

พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม กล่าวต่ออีกว่า จากนั้นผู้ต้องหาได้นํารถจักรยานยนต์ของผู้ตายทิ้งลงบริเวณลําห้วยทราย จากนั้นได้พากันนําร่างของนายบุญธงฯ ที่ยังมีชีวิตหายใจรวยรินอยู่โดยเดินลัดเลาะไปตามลําห้วยทรายไปยังสะพานฝายนํ้า ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500-600 เมตร และได้ใช้เชือกแขวนคอผู้ตายแล้วพากันหลบหนีไป

ผบก.สส.ภ.4 กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นายจักรพงษ์ฯให้การรับว่าเกิดจากการโต้เถียงกันกับผู้ตายในระหว่างที่ขับรถจักรยานยนต์สวนทางกัน และหลังเกิดเหตุเกรงว่าจะมีความผิดจึงได้นําร่างของผู้ตายไปเพื่อแขวนคออําพราง ส่วนนายเจษฎาฯยังให้การปฏิเสธ

พฤตินัย มั่งสวัสดิ์ พร้อมทีมข่าวเฉพาะกิจภาค4 รายงาน