น้ำเหนือเจ้าพระยา-ป่าสักลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลระดับน้ำตอนล่างทยอยลดลง 10-56 ซม.ตามลำดับ
ปริมาณน้ำในพื้นที่ตอนบนของแม่น้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาทยอยลดลงตามลำดับ เดินหน้าใช้ระบบชลประทานเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (30 ต.ค. 64) ปริมาณน้ำจากทางตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักตอนล่างทยอยลดลงตามลำดับ โดยเช้าวันนี้ (30 ต.ค. 64) ที่สถานีวัดน้ำท่า C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,308 ลบ.ม./วินาที ก่อนไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านลดลงเหลือ 2,349 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาทยอยลดลงจากวานนี้(29 ต.ค. 64) ดังนี้
💥 อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ระดับน้ำลดลง 16 ซม.
💥 อ.เมือง จ.อ่างทอง ระดับน้ำลดลง 11 ซม.
ในขณะที่คลองชัยนาท-ป่าสัก ยังคงการรับน้ำที่ประตูน้ำมโนรมย์ในอัตรา 120 ลบ.ม./วินาที
ด้านลุ่มน้ำป่าสัก เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลดการระบายน้ำเหลือ 350 ลบ.ม./วินาที ในขณะที่แนวโน้มน้ำไหลเข้าอ่างฯลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ด้านท้ายเขื่อนป่าสักฯ มีระดับน้ำลดลงจากวานนี้(29 ต.ค. 64) ดังนี้
💥 อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ระดับน้ำลดลง 56 ซม.
💥 อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ระดับน้ำลดลง 45 ซม.
💥 อ.เมืองสระบุรี ระดับน้ำลดลง 24 ซม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 2.85 เมตร)
💥 อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำลดลง 30 ซม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 1.55 เมตร)
ส่วนที่เขื่อนพระรามหก ได้ควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านลดลงเหลือ 470 ลบ.ม./วินาที พร้อมกับปรับการรับน้ำเข้าคลองระพีพัฒน์ตามศักยภาพของคลอง โดยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ริมคลอง เพื่อแบ่งเบาปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าสู่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งกรมชลประทาน จะใช้ระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งในพื้นที่ตอนล่าง เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด รวมไปถึงการใช้ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เร่งระบายน้ำในช่วงที่น้ำทะเลลงด้วย
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 30 ต.ค. – 1 พ.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้มีลมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตัวนออกพัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะนี้ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้ จึงขอให้ประชาชนติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อสอบถามไปยังโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา