เตรียมออกหมายจับทีมเมียรองนายก อบต.หลอกชาวบ้านกู้เงิน เป็นหนี้ตลอดชีพ
หลังอ้างว่า บัตรประชาชนเพียงใบเดียวก็สามารถกู้เงินหลักแสนได้
ตำรวจจังหวัดสระแก้ว เตรียมออกหมายจับ ทีมเมียอดีตรองนายก อบต.แห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองสระแก้ว หลังร่วมกับพวกไม่ต่ำกว่า 3 คน เรียกเก็บบัตรประชาชนจากชาวบ้านเกือบ 30 คน นำไปกู้เงินผ่านแอพพลิเคชั่นเคพลัส ของธนาคารกสิกรไทย แต่ชาวบ้านกลับไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน พร้อมทั้งยังมีใบแจ้งหนี้เรียกเก็บเงินงวดละ 7,000 ถึงกว่า 10,000 บาท ขณะเดียวกัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ยืนยัน คดีนี้ไม่เป็นม้วยล้มแน่นอน โดยจะให้ชาวบ้านไปแจ้งความเพิ่มเติมในข้อหายักยอกทรัพย์
หลังจากชาวบ้านคลองน้ำใส และบ้านเจ็ดหลัง ในตำบลโคกปี่ฆ้อง อำเภอเมืองสระแก้ว ร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน โดยอ้างว่า ได้ถูกเมียอดีตรองนายก อบต.แห่งหนึ่งพร้อมกับลูกสาว ได้ติดต่อขอเก็บบัตรประชาชนของชาวบ้านนำไปกู้เงินผ่านแอพพลิเคชั่น เคพลัส ธนาคารกสิกรไทย / โดยคนกลุ่มนี้อ้างว่า บัตรประชาชนเพียงใบเดียวก็สามารถกู้เงินหลักแสนออกมาจากธนาคารที่น่าเชื่อถือได้ จากนั้นติดต่อชาวบ้านให้ไปสแกนใบหน้า ภายในรีสอร์ท มีทั้งในอำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว และเขาแผงม้า อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่ชาวบ้านจะได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคารโดยมีเงินต้นตั้งแต่ 300,000 บาทจนถึง 500,000 บาท และต้องผ่อนชำระงวดละ 7,000 ถึง 10,000 บาท โดยทีมอดีตเมียรองนายก อบต.ได้จ่ายเงินให้กับชาวบ้านเพียงคนละไม่กี่หมื่นบาทเท่านั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ พลตำรวตรี.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว แต่งตั้งพันตำรวจเอก ชัยกร ทองนาเพียง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ดูแลคดีรวมถึงในเรื่องกฎหมาย เบื้องต้นคดีนี้ ตำรวจภูธรปางสีดาเจ้าของพื้นที่ ได้สอบปากคำชาวบ้านรวมถึงรวบรวมพยานหลักฐาน มีความคืบหน้าไปมาก โดยผู้เสียหายที่ความผิดสำเร็จแล้ว มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน มีใบแจ้งหนี้ให้ชำระเงินต้นจากธนาคาร ตั้งแต่ 330,000 / 370,000 / 260,000 และ 240,000 บาท แต่ได้รับเงินจากกลุ่มบุคคลที่ชักชวนให้กู้เงินไม่เต็มจำนวน
ซึ่งเบื้องต้น ทางตำรวจกำลังเตรียมออกหมายจับ กลุ่มบุคคล(กลุ่มเมียอดีตรองนายก อบต.)ที่ชักชวนชาวบ้านกู้เงิน รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3 คน ตามประมวลกฎหมาย (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2547 มาตรา 269/5 คือ ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในมาตรา 269/7 คือ ถ้าการกระทำดังกล่าวในหมวดนี้ เป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ กึ่งหนึ่ง / ส่วนฐานความผิดในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ขณะนี้ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหานี้ โดยตำรวจสระแก้วได้ประสานไปยังต้นสังกัดของธนาคารกสิกรไทยแล้ว ฝ่ายกฎหมายของธนาคาร จะลงมาให้ข้อมูลกับตำรวจในเร็วๆนี้ ขณะเดียวกัน ตำรวจจะให้ชาวบ้านทั้ง 4 คน ไปแจ้งความเพิ่มเติมกับทีมเมียอดีตรองนายก อบต.ในข้อหายักยอกทรัพย์อีก 1 ข้อหา โดยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ยืนยันว่า คดีนี้ไม่เป็นมวยล้มอย่างแน่นอน แต่ขอเวลาตำรวจทำงานอีกสักระยะ
ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านในตำบลบ้านแก้ง ที่มีเขตติดต่อกับตำบลโคกปี่ฆ้อง ถูกหลอกให้กู้เงินในลักษณะแบบเดียวกัน และมีผู้เสียหายอีกไม่ต่ำกว่า 50 คน ทางพันตำรวจเอก ชัยพร ทองนาเพียง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เจ้าของคดีนี้ ยอมรับว่า ประมาณ 3 เดือนก่อน มีชาวบ้านถูกเก็บบัตรประชาชนเอาไปกู้เงิน ในลักษณะแบบเดียวกับชาวบ้านในตำบลโคกปี่ฆ้อง และผ่านกระบวนการสแกนใบหน้าแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่มีชาวบ้านได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคาร / เพราะหลังจากเกิดเหตุเก็บบัตรประชาชนไปได้ไม่นาน ฝ่ายปกครองและตำรวจ ได้เข้าตรวจค้นภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง เป็นของเมียตำรวจนายหนึ่ง (สังกัดโรงพักเขาสิงโต) ที่ถูกชาวบ้านอ้างว่า เก็บบัตรประชาชนของชาวบ้านไป ซึ่งการเข้าตรวจค้นในครั้งนั้น ตำรวจพบบัญชีรายชื่อชาวบ้านจำนวนมาก มีทั้งชาวบ้านในจังหวัดสระแก้วและจังหวัดปราจีนบุรี แต่ยังไม่มีชาวบ้านได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคาร จึงทำให้ในส่วนคดีความของตำรวจภูธรเขาสิงโตยังไม่มีผู้เสียหาย
สำหรับกรณีนี่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ชาวบ้านในตำบลโคกปี่ฆ้อง อำเภอเมืองสระแก้ว จำนวนเกือบ 30 คน รวมตัวกันไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรปางสีดา ได้ถูกเมียอดีตรองนายก อบต.แห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองสระแก้ว เก็บบัตรประชาชนเอาไปกู้เงิน ผ่านแอพพลิเคชั่น เคพลัส ธนาคารกสิกรไทย โดยกลุ่มเมียอดีตรองนายก อบต.คนนี้ จ่ายเงินให้ชาวบ้านคนละไม่กี่หมื่นบาท แต่พอผ่านไปได้ไม่นาน ชาวบ้านกลับได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคาร เป็นหนี้คนละหลายแสนบาท ก่อนจะร้องขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน พร้อมกับยอมรับว่า เข็ดแล้วที่อยากจะได้เงินง่ายๆด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว ไม่มีอยู่จริงในโลกใบนี้
……จาก.ไตรรัตน์ มีวงษ์ จ สระแก้ว…