จ.นครพนม  เปิดปฐมฤกษ์ไหลเรือไฟ ย่อขนาดแต่ไม่ลดความยิ่งใหญ่ สวยงามตระการตากลางสายน้ำโขง นทท.ร่วมบูชาขอขมาแม่น้ำในเรือไฟโบราณ สะเดาะเคราะห์และรับโชค

จ.นครพนม  เปิดปฐมฤกษ์ไหลเรือไฟ ย่อขนาดแต่ไม่ลดความยิ่งใหญ่ สวยงามตระการตากลางสายน้ำโขง

นทท.ร่วมบูชาขอขมาแม่น้ำในเรือไฟโบราณ สะเดาะเคราะห์และรับโชค

 

วันที่ 18 ตุลาคม 2564 บริเวณลานพนมนาคาซึ่งอยู่ติดกับองค์พญาศรีสัตตนาคราช ริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลไหลเรือไฟประจำปี 2564 อย่างเป็นทางการ โดยปีนี้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดกิจกรรม เพื่อให้เหมาะสมในช่วงสถานการณ์โรคโควิดระบาด จึงงดการประกวดเรือไฟใหญ่ แต่เพื่อสืบสานประเพณีดั้งเดิมไว้ให้คงอยู่ ด้วยการจัดกิจกรรมเรือไฟโบราณ จำนวน 12 ลำ ตามราศี 12 นักษัตร ซึ่งเป็นต้นฉบับของเรือไฟในปัจจุบัน พร้อมให้นักท่องเที่ยวและประชาชน นำกระทงสิ่งบูชา เครื่องเซ่นไหว้มาวางไว้ในเรือไฟตามปีเกิดของตน เพื่อสะเดาะเคราะห์และขอพรชัยมงคลตามวิถีความเชื่อของชาวจังหวัดนครพนม และให้มีเรือไฟโชว์รวมทั้งสิ้น 5 ลำ ทำการไหลทุกวันๆละ 3 ลำ ตั้งแต่วันที่ 18-23 ตุลาคม

ด้านเรือไฟโชว์ได้ย่อขนาดจากเดิมลง ปกติเรือไฟใหญ่จะมีขนาดความยาว 80 เมตร สูง 15 เมตร ลดลงมาเหลือเพียงยาว 30 เมตร สูง 6 เมตร โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) ดำเนินการนำเรือลาดตระเวนมาชักลากเรือไฟให้ล่องไปตามกระแสน้ำ เริ่มจากหน้าสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานนครพนม ไปจรดถึงหมู่บ้านโบราณ 8 ชนเผ่า รวมระยะ 3.1 กิโลเมตร พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ทุกทางเข้า-ออกคอยตรวจคัดกรองผู้มาร่วมงานอย่างเข้มงวด


เรือไฟโชว์ลำแรกปล่อยออกจากจุดในเวลา 19.10 น. แม้จะเป็นลำเล็กแต่ก็ไม่สร้างความผิดหวัง มีพร้อมสรรพทุกอย่างทั้งความสวยงามของแสงไฟตะเกียง และลวดลายของเส้นลวดที่ศิลปินเรือไฟจาก 12 อำเภอ ประสานมือร่วมใจกันสร้างสรรค์ มีพลุจุดโชว์เป็นระยะๆ อีกทั้งยังมีกระทงสายหรือไข่พญานาค จำนวน 12,000 ดวง ล่องลอยเป็นทางยาวกลางแม่น้ำโขง

ทั้งนี้การสืบสานประเพณีไหลเรือไฟ ซึ่งเป็นเรือไฟโบราณที่สร้างจากไม้ไผ่เป็นโครง มีหยวกกล้วยฉลุเป็นเส้นสายลายกนก พร้อมจัดเครื่องสักการะบูชาใส่ลงไปในกระทง ถึงวันออกพรรษาขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ก็จะรวบรวมเครื่องเซ่นบูชาทั้งหมด นำใส่เรือตามปีนักษัตรเพื่อไปปล่อยบูชาแม่น้ำโขง และบูชาพญานาคตามความเชื่อแต่โบราณ ที่สืบทอดกันมาในอดีต  ภายหลังปี พ.ศ.2526 ได้มีการประยุกต์จัดสร้างเรือไฟขนาดใหญ่ ประดับประดาตกแต่งลวดลาย และเพิ่มพลุไฟตะไลเพลิงสร้างความอลังการ โดยใช้งบประมาณลำละเกือบ 1 ล้านบาท จนกลายเป็นจุดเด่นให้นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศมาเฝ้ารอชมอย่างเนืองแน่น แต่ในปีนี้เน้นความเรียบง่ายตามมาตรการคุมเข้มโควิด นอกจากนี้ยังได้มีการจัดทำเรือไฟโชว์ ขนาดความยาวประมาณ 30 เมตร สูง 6 เมตร ตกแต่งด้วยตะเกียงไฟ ประมาณ 5,000 ดวง ไหลโชว์นักท่องเที่ยวคืนละ 3 ลำ รวมถึงปล่อยกระทงสาย หรือไข่พญานาคกลางลำน้ำโขงวันละกว่า 10,000 ดวง จนถึงคืนวันออกพรรษา


ทั้งนี้ในส่วนของวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม ทุกปีของวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ปีนี้ตรงกับวันที่ 21 ตุลาคม ในช่วงเช้าจะมีการรำบูชาพระธาตุพนม จากสาวงาม 8 ชนเผ่ากว่า 1,000 คน แต่ปีนี้ลดจำนวนนางรำเหลือแค่ 50 คน เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด เน้นสืบสานประเพณี ซึ่งทางจังหวัดนครพนม ได้มีมาตรการเข้มในการตรวจสอบคัดกรองนักท่องเที่ยว ตามสถานที่สำคัญพร้อมกำชับสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และประสานผู้ประกอบการ ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก จะต้องปฏิบัติตามมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวเข้มงวดด้วย

เทพพนม รายงาน