กองทัพเรือ เร่งเรือผลักดันมวลน้ำระบายออกแม่น้ำเจ้าพระยา เตรียมรับมวลน้ำเหนือ
หลังจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประกาศว่าจังหวัดสมุทรปราการ ติดหนึ่งใน 10 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา เป็นเขตพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม กองทัพเรือเร่งนำเลียงเรือผลักดันน้ำกว่า 20 ลำเข้าประจำจุดเสี่ยงเร่งผลักดันมวลน้ำระบายออกสูแม่น้ำเจ้าพระยา
นาวาเอก อัศมัย นรินรัตน์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำของกองทัพเรือ พร้อมกำลังพลสังกัดกรมอู่ทหารเรือ พระจุลจอมเกล้า ได้ลำเลียงเรือผลักดันน้ำจำนวน 20 ลำเข้าประจำการตามคลองต่าง ๆ ซึ่งจุดระบายน้ำที่สำคัญรวม 5 จุด ได้แก่คลอง 4 ต.บางปลา , คลองสุวรรณภูมิ หน้าสนามบินสุวรรณภูมิ ต.บางโฉลง , คลองกิ่งแก้ว คลองขุด ตำบลบางพลีใหญ่ และ คลองสำโรง โดยจะทำการผลักดันน้ำวันละ 16-20 ชั่วโมงต่อวัน รองรับปริมาณน้ำที่จะระบายลงมาจากหลายจังหวัด ทั้งอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี รวมถึงกรุงเทพมหานคร และพายุ ซึ่งภารกิจผลักดันน้ำ จะสามารถเพิ่มการไหลเวียนของมวลน้ำไปยังประตูรายน้ำได้เร็วขึ้น โดยเรือผลักดันน้ำจะทำงาน 16-20 ชั่วโมงต่อวัน โดยทาง อบต.บางพลีใหญ่ ได้สนับสนุนน้ำมันดีเซลวันละ 1 พันลิตรในภารกิจผลักดันน้ำเข้าปฏิบัติภารกิจมวลน้ำ
โดยมี ดร.พัฒนพงศ์ จงรักดี นายกเทศมนตรีตำบลบางพลี ได้กล่าวว่า หลังจากที่ได้ลงดูพื้นที่ร่วมกับท่านนายอำเภอบางพลีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้เห็นปัญหาในเรื่องของการระบายน้ำบางครั้งก็ยังบางจุดที่ท่วมขังอยู่นานเกิดจากการน้ำไปได้ช้าเพราะบางจุดเป็นพื้นที่ราบลุ่มและเป็นแอ่งกระทะ ทางท่านนายอำเภอบางพลีก็ได้ประสานกับกองทัพเรือซึ่งมีหน่วยเฉพาะกิจของการผลักดันมวลน้ำ นำเรือผลักดันน้ำในคลองสายหลักต่าง ๆ ในการระบายน้ำรวม 26 ลำ มาทำการเร่งผลักดันมวลน้ำให้ไปรอการระบายน้ำที่หน้าประตูของเครื่องสูบน้ำทางด้านคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ได้ไว้ขึ้น โดยเฉพาะในคลองสำโรงหน้าวัดบางโฉลงนอก ซึ่งในการดำเนินการในครั้งนี้เป็นการประสานความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่เข้ามาช่วยกัน
นาวาเอก อัศมัย นรินรัตน์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำของกองทัพเรือ ได้กล่าวว่าหลังจากที่ได้รับการประสาจากท่านนายอำเภอบางพลี ทางกองทัพเรือได้นำเรือผลักดันน้ำจำนวน 26 ลำ เข้ามาทำการผลักดันน้ำตามคลองสายหลักในการระบายน้ำในเขตอำเภอบางพลี ซึ่งในการดำเนินการในครั้งนี้ต้องมีการร่วมกันพิจารณาหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นอำเภอบางพลี และหน่วยงานท้องถิ่นและชลประทาน เพราะว่าหน้าที่เราก็คือมาให้การสนับสนุนการเร่งระบายน้ำเพราะฉะนั้น ผู้นำท้องถิ่นจะรู้ดีว่าจุดไหนมีน้ำท่วมขังนาน และเราก็จะไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องระบายน้ำเพราะทำการวางจุดเรือผลักดันน้ำ
ภาพ/ข่าว สนง.โฆษกกองทัพเรือ
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน