พ่อแม่น้องชมพู่ เป็นโจทย์ร่วมและเรียกค่าสินไหมทดแทน สิบล้านสามแสนบาท
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 64 นายอัจฉริยะ เรืองรัตน์พงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม , นายอนามัย และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อและแม่น้องชมพู่ พร้อมด้วย นายวัชรินทร์ กงแก่นท้าว พยานในคดี ได้เดินทางมายังศาลจังหวัดมุกดาหาร เพื่อเซ็นต์แต่งตั้งทนายและยื่นหนังสือขอเป็นโจทย์ร่วมในคดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ และคัดสำเนาสำนวนคดีดังกล่าว
นายอัจฉริยะ เรืองรัตน์พงษ์ กล่าวว่า นางสาวิตรี และนายอนามัย ได้ยื่นเป็นโจทย์ร่วมที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร และมาเรียกค่าสินไหมทดแทนจำนวน 10,300,000 บาท (สิบล้านสามแสนบาท) ในคดีน้องชมพู่ที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร และได้ไปพูดคุยกับท่านอัยการหาแนวทางร่วมในการสนับสนุน ข้อมูลของพนักงานอัยการ ส่วนเงินที่เรียกไปนั้น เป็นเงินที่เหมือนกับเราไปฟ้องแพ่ง แต่กฏหมายในคดีอาญาสามารถเรียกเงินเยียวยาได้เลย ตาม 44/1 เราไม่ต้องเรียกค่าเงินวางศาล 2 % ไม่ต้องแยกคดีไปฟ้องแพ่งต่างหาก เราฟ้องในคดีอาญา คือเกี่ยวเนื่องกับคดีแพ่ง เรียกว่าค่าสินไหมทดแทน ในการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ส่วนเงินที่เรียกไป ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาลที่จะมีการนำสืบพยาน ถึงเวลาถ้านำสืบพยาน ในงานเราก็ต้องคิดเห็นว่าเงิน10,300,000 บาท (สิบล้านสามแสนบาท) คือมาจากตัวเลข ที่มาต่อกลอนกันในศาล ทางฝั่งทนายจำเลยก็ต้องถามค้านเราอยู่แล้วว่า ตัวเลขดังกล่าวมาจากไหน เราก็จะทำเป็นตารางเอกสารให้เห็นว่า จริง ๆ แล้วน้องชมพู่จะตีราคาเป็นเงินไม่ได้ เพราะชีวิตคนเราจะตีมูลค่าไม่ได้ แต่สิ่งที่เรียกคือ ความสูญเสียของเด็กคนหนึ่ง ถ้าเกิดเขาโตมาข้างหน้า เขาจะมีรายได้อย่างไร เป็นเรื่องอนาคตต้องบรรยายให้เห็นต่อไป
ส่วนนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา บอกกับผู้สื่อว่า อุ่นใจที่มีคนมาช่วยพวกเรา พวกเราตาสีตาสาชาวบ้าน เราต้องการใครสักคนมาช่วยเรา ช่วยนำทางเราคิดว่าควรทำอย่างไร เพราะว่าเราไม่มีความรู้ขั้นตอนกฎหมาย ส่วนเรียกค่าสินไหมทดแทน 10,300,000 บาท (สิบล้านสามแสนบาท) นั้นให้เป็นคำตอบของคุณอัจฉริยะ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา บอกต่ออีกว่า ส่วนสภาพจิตใจ ในคดีนี้ ก็ดีขึ้น แต่ในมุมมองของความสูญเสียยังเศร้าอยู่เหมือนเดิม แต่ว่าก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป
ไกรสมุทร นามโพธิ์ไทร/รายงานจากมุกดาหาร