1 ต.ค.ดีเดย์ เปิดเมืองพัทยา รับนักท่องเที่ยว
‘พิพัฒน์’ ติดตามความพร้อมจังหวัดชลบุรีเปิดรับนักท่องเที่ยว ดีเดย์ 1 ต.ค. เมืองพัทยาเตรียมระบบ Sealed Area เชื่อมรอยต่อเปิดประเทศ 120 วัน ก่อนชง ศบส.-ศบค.พิจารณาเข้า ครม.อาทิตย์หน้าเพื่อปลดล็อกท่องเที่ยวโดยเร็วที่สุด เชื่อปี 65-66 บรรยากาศจะกลับมาเหมือนเดิม
ตามแนวทางรัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีแผนกำหนดเปิดประเทศ 120 วัน ใน 1 พ.ย.64 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในแบบวิถีใหม่ หลังจากที่ผ่านมา ได้นำร่องระยะที่ 1 ในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ไปแล้วนั้น ล่าสุด วันที่ 12 ก.ย.64 มีรายงานว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายธวัชชัย ศรีทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ร่วมประชุมติดตามความพร้อมการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในพื้นที่ชลบุรี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลแนวทางการขับเคลื่อนแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่ารัฐบาลเดินหน้าตามแผนเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่วางไว้เป็นระยะ หลังจากนำร่องระยะที่ 1 ในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ไปแล้ว ซึ่งเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ได้ 2 เดือนแล้วถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่ดี เป็นที่น่าพอใจ รายจ่ายต่อทริปของนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 6-7 หมื่นบาท รายได้สะสม 1,634 ล้านบาท ทำให้ประชาชนในพื้นที่สามารถกลับมาฟื้นตัว สร้างรายได้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งในเดือน ตุลาคมนี้ เป็นเดือนที่วางแผนในการปรับมาตรการพร้อมกับเข้าสู่แผนการเปิดพื้นที่ระยะที่ 2 อีก 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ และชลบุรี ซึ่งแต่ละจังหวัดได้เตรียมความพร้อม เร่งฉีดวัคซีนให้คนพื้นที่ และจัดเคมเปญต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว อาทิ กรุงเทพฯ แซนด์บ็อกซ์, หัวหิน รีชาร์จ, ชาร์มมิง เชียงใหม่ และพัทยามูฟส์ออน ทั้งนี้ ในวันที่ 17 ก.ย.64 นี้ ทางส่วนกลาง โดย ศบส.จะมีการประชุม เพื่อนำรายละเอียดในแต่ละพื้นที่ ที่ดำเนินการเสนอให้กับทาง ศบค. เพื่อนำเสนอต่อ ครม.ประชุมพิจารณาตามลำดับที่รัฐบาลเดินหน้า ตามแผนเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำหนดไว้เป็นระยะ
ในส่วนของเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และกลุ่มพื้นที่ 5 จังหวัด จะต้องมีการจัดทำระบบ SOP เพื่อกำหนดมาตรการควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ โดยจะผ่านความเห็นชอบจากท้องถิ่น หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว จังหวัดของตนเอง และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ว่าจะกำหนดให้เป็นพื้นที่แบบไหน มีการดำเนินการตามมาตรการต่างๆ อย่างไร โดยแนะให้เมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี กำหนดเส้นทางท่องเที่ยว 2 อำเภอ คือ อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ ในรูปแบบ Sealed Area ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาพักกักตัวตามระยะเวลาที่กำนหดแล้ว สามารถเดินทางท่องเที่ยวต่อในพื้นที่ได้เลย
ด้าน นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยาได้ดำเนินการตั้งคณะทำงาน พัทยามูฟส์ออน โดยมีภูเก็ตแซนด์บ็อกเป็นตัวอย่าง แต่เนื่องด้วยพื้นที่เมืองพัทยา ที่มีทั้งพื้นที่บนบกและพื้นที่เกาะ จึงไม่สามารถดำเนินการได้เหมือนภูเก็ต โดยใน 2 อำเภอ ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่ดำเนินการ จะเป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติใช้ คือเส้นทาง พัทยา-บางละมุง และเส้นทางบางละมุง-สัตหีบ พร้อมกันนี้ยังได้ผลักดันในเรื่องของการสร้างระบบภูมิคุ้มกันหมู่ร้อยละ 70 ของประชาชนในพื้นที่ ต้องได้รับการจัดสรรวัคซีน ก็มีความคืบหน้าโดยตลอด
โดยสถานการณ์ การกระจายวัคซีนในพื้นที่ที่เป้าหมายกระจายวัคซีน 9 แสนโดส มีความคืบหน้า จากข้อมูลพว่า โรงพยาบาลบางละมุง ให้บริการวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปแล้ว 1.2 แสนโดส โรงพยาบาลเมืองพัทยา 5 หมื่นโดส และวัคซีนทางเลือกซินโนฟาร์มอีก 3 หมื่นโดส โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา 6 หมื่นโดส รวมไปถึงเครือข่ายประกันสังคมอีก 6 หมื่นโดส และหากวัคซีนได้รับการจัดสรรมาอย่างต่อเนื่อง ก็จะทันเวลาเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวในวันที่ 1 ตุลาคม 64
ขณะที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รัฐบาลได้เร่งให้มีการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวโดยเร็วที่สุด โดยแนะนำให้เมืองพัทยา ได้ดำเนินการแนวทางพัทยามูฟส์ออน ภายในเดือนกันยายนนี้เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่เดือนตุลาคมตามแผนเปิดพื้นที่ 5 จังหวัดของรัฐบาล โดยในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ จะเข้าสู่แผนระยะที่ 3 จะเปิดต่ออีก 21 จังหวัด ครอบคลุมทั้งประเทศ และจากรายงานพบว่าภายในเดือนกันยายน คาบเกี่ยวถึงเดือนตุลาคม จะได้รับวัคซีนเข้ามาในประเทศ อีกประมาณ 30 ล้านโดส ซึ่งต้องวางแผนเร่งกระจายวัคซีนให้ครอบคลุม 70% โดยเร็วที่สุดเพื่อเปิดพื้นที่ทั้งจังหวัด พร้อมเปิดประเทศ 120 วันในวันที่ 1 พ.ย.64 ซึ่งต้องทำงานแบบเปิดเป็นสเต็ปบายสเต็ป ซึ่งจะได้นำเสนอต่อสาธารณสุข ในเรื่องพิจารณาการจัดสรรวัคซีนให้พื้นที่นำร่องทั้ง 5 จังหวัดด้วย
รัฐบาลยังวางแผนการกระตุ้นให้คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ โดยจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้สามารถท่องเที่ยวได้ในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องมาตรการตรวจโควิด-19 และด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน ส่วนปีหน้าเป็นแผนระยะที่ 4 จะเริ่มเดือนมกราคม 2565 มีแผนในการเปิดพื้นที่จังหวัดที่ติดชายแดนเพื่อนบ้านอีก 13 จังหวัด โดยเป็นการจับคู่การท่องเที่ยวระหว่างกัน หรือ Travel Bubble ซึ่งทั้ง 4 ระยะ จะเปิดรับนักท่องเที่ยวรวม 43 จังหวัด ก่อนเปิดทั้งประเทศในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2565 พร้อมกันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในแบบวิถีใหม่ ที่มีการผ่อนคลายมาตรการ ร่วมเดินหน้าเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบสาธารณสุข เพี่อลดช่องว่าง ลดความเหลื่อมล้ำและเดินหน้าเข้าสู่การเปิดประเทศวิถีใหม่ไปพร้อมๆ กัน โดยเชื่อว่าในปี 65-66 บรรยากาศการท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน