กรมชลประทาน สั่งการโครงการชลประทานทั่วประเทศ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
พร้อมเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำหลาก หลังกรมอุตุฯ คาดการปริมาณฝนตกกระจายตัวเพิ่มมากขึ้นในระยะนี้
กรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำว่า ปัจจุบัน ( 9ก.ย 64) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 41,674 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 54 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 17,628 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีกรวม 34,685 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 8,965 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 36 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 2,269 ล้าน ลบ.ม. ในขณะที่ทั้งประเทศมีการทำนาปีไปแล้วรวม 14.87 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 88 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 6.79 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 85 ของแผนฯ ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์น้ำต้นทุนยังอยู่ในเกณฑ์น้อย โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา จำเป็นต้องปรับลดการระบายน้ำจากพื้นที่ตอนบนให้อยู่ในเกณฑ์น้อยที่สุด เพื่อเก็บกักน้ำไว้สำหรับการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ จึงขอความร่วมมือไปยังเกษตรกรให้งดทำนาต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหาย
ทั้งนี้ จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลให้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ กรมชลประทาน ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกับบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ เพื่อลดเเละบรรเทาผลกระทบในเเต่ละพื้นที่ให้ได้มากที่สุด พร้อมประสานแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำ นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งเครื่องจักร เครื่องมือ รถแบคโฮ รถขุด รถเทรลเลอร์ เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ และเครื่องผลักดันน้ำ ประจำไว้ในพื้นที่เสี่ยงแล้ว พร้อมเร่งตรวจสอบพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชานที่ได้รับผลกระทบ เพื่อเข้าไปให้การช่วยเหลือโดยเร็ว ตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อโครงการชลประทานใกล้บ้านทุกแห่ง หรือโทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา