ชป.เร่งระบายน้ำท่วมขังจ.สมุทรปราการอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
กรมชลประทาน ระดมเครื่องสูบน้ำพร้อมเร่งการระบายน้ำในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการอย่างต่อเนื่อง พุ่งเป้าพื้นที่ท่วมขังให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ย้ำเจ้าหน้าที่ยังคงต้องเฝ้าระวังแม้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่นิคมอุตาสหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการว่า ในวันนี้ได้ไปติดตามสถานการณ์น้ำและการเร่งระบายน้ำของสถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร และสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ ที่มีสูบระบายน้ำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน เพื่อระบายน้ำที่ท่วมขังในหลายพื้นที่ออกสู่ทะเลโดยเร็ว แม้สถานการณ์ในปัจจุบันของ 4 อำเภอ ในจังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ อำเภอบางบ่อ อำเภอบางพลี อำเภอบางเสาธง อำเภอเมืองสมุทรปราการ โดยเฉพาะนิคมอุตาสหกรรมบางปู จะเริ่มลดลงแล้ว คาดการณ์ว่าจะสามารถกลับเข้าสู่สภาวะปกติในวันนี้
ได้มอบหมายให้นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ผู้อำนวยการสำนักเครื่องจักรกล เริ่งติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 6 เครื่อง บริเวณหน้าประตูระบายน้ำชลหารพิจิตร เพื่อเร่งอัตราการระบายน้ำให้เร็วขึ้น ในช่วงเวลาที่เปิดระบายออกสู่ทะเล พร้อมสั่งการให้เพิ่มเครื่องสูบน้ำอีก 3 จุด ได้แก่ สถานีสูบน้ำบางปลา สถานีสูบน้ำคลองด่าน 2 และสถานีสูบน้ำตำหรุ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการระบายน้ำท่วมขังให้ไหลลงสู่อ่าวไทยได้เร็วที่สุด รวมทั้งเร่งเดินเครื่องสูบน้ำบริเวณสถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร และสถานีสูบน้ำตามแนวคลองชายทะเลทั้งหมด 9 แห่ง ให้สามารถระบายน้ำรวมกันได้ไม่น้อยกว่า 20 ล้าน ลบ.ม./วัน ทั้งนี้ ยังได้ประสานไปยังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต ให้ตัดยอดน้ำบางส่วนทางตอนบนของคลองพระองค์ไชยานุชิตออกไปทางแม่น้ำบางปะกง เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่จังหวัดสมุทรปราการได้อีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นอย่างมาก รวมถึง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด แม้สถานการณ์ต่างๆจะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว ซึ่งกรมชลประทานยังคงตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทและไม่นิ่งนอนใจ สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าไปประจำจุดเสี่ยงต่างๆ ให้สามารถปฏิบัติงานได้ทันที เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ในการให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง