💊ยา”KERRA”ใช้ได้ผล คนเสียประโยชน์สร้างเฟกนิวส์กล่าวร้าย ดร.ภัทร์สุดทน ขอระบายประสิทธิภาพยา ยืนยันผ่านการพิสูจน์ทางผลเเล็ปแล้ว คนป่วยหายแล้วมากมาย ใครสงสัยท้ามาพิสูจน์ซ้ำ‼️

💊ยา”KERRA”ใช้ได้ผล คนเสียประโยชน์สร้างเฟกนิวส์กล่าวร้าย ดร.ภัทร์สุดทน ขอระบายประสิทธิภาพยา ยืนยันผ่านการพิสูจน์ทางผลเเล็ปแล้ว คนป่วยหายแล้วมากมาย ใครสงสัยท้ามาพิสูจน์ซ้ำ‼️

 

 

✳️ผู้สื่อข่าวได้ติดตามข่าวของยา”KERRA”เคอร่าที่โด่งดังในจังหวัดปทุมธานี ที่ผู้ป่วยโควิด19ในโรงพยาบาลสนามใช้แล้วหายจริง ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ในหลายๆจุดของกรุงเทพมหานครตลอดจนพื้นที่ต่างหวัดไกล้เคียง โดยสอบถามผู้ป่วยติดเชื้อโควิด19ที่ได้เคยใช้ยาเคอร่าแล้วว่า หลังจากใช้ยาเคอร่าแล้วได้ผลดีหรือไม่ ผลปรากฏว่าทุกรายที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าหายจากอาการป่วยโควิด19จริง ซึ่งจากที่ยาเคอร่าได้ส่งไปให้รักษาผู้ป่วยของโรงพยาบาลสนามทุกที่ใช้แล้วหายจริง ทำให้มีข่าวออกมาเมื่อหลายเดือนก่อนโดยถูกโจมตีในด้านลบ จึงรู้ว่าข่าวที่ออกไปก่อนหน้านั้นเป็นข่าวเฟกนิวส์ทั้งสิ้น

 

 

✳️ผู้สื่อข่าวจึงได้ขอพบกับ ดร.ภัทร์ หนังสือ ประทานและเป็นเจ้าของยา”KERRA”เคอร่าสอบถามที่มาที่ไปของยาและข่าวเฟกนิวส์ที่ออกมาว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร “ดร.ภัทร์จึงบอกผู้สื่อข่าวว่าขอระบายความในใจหน่อยว่า”

📌ขอระบายหน่อยครับ
มันเกินไปหรือเปล่า แค่คำว่าเป็นยาแผนโบราณ ก็โดนโจมตี
ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาที่ผมได้กระจายข้อมูลของยาเคอร่าออกไป เพื่อให้คนไทยได้ใช้เพื่อความปลอดภัยของทุกคน รวมทั้งการบอกต่อของคนไข้ที่ใช้แล้วได้ผล
ก็ปรากฏว่าถูกโจมตีอย่างหนักทาง social จากกลุ่มเภสัชกรแผนปัจจุบัน นักวิชาการรวมทั้งอาจารย์บางท่าน ที่ยังไม่ทันฟังข้อมูล พอเห็นว่าเป็นยาสมุนไพร ยาแผนโบราณที่ทำมาง่าย ๆ ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทย ก็เข้ามาโจมตีว่าไม่มีงานวิจัยบ้าง ไม่มีความปลอดภัยบ้าง อาจเป็นพิษต่อตับไตบ้าง บลา ๆ ๆ ฯลฯ.
รวมทั้งคนไข้ที่พกยาเคอร่าเข้าโรงพยาบาล ก็จะถูกหมอห้ามกิน หมอบางท่านห้ามเด็ดขาดกระทั่งว่า “ให้เลือกเอานะ ถ้าจะรักษากับหมอก็ห้ามกินสมุนไพร

 

🌿แต่ในขณะเดียวกัน คนจำนวนมากที่ใช้ยาเคอร่ากลับได้ผลดี แต่พอบอกว่ายาเราได้ผลก็จะมีคนโต้แย้งว่า “คนไข้โควิด ร้อยละ 80-90 หายเองได้แบบไม่มีอาการ” แต่ชาวบ้านที่ใช้เรียกยาเราว่า “ยาเทวดา” เพราะช่วยชีวิตเขาได้แม้คนอาการหนัก ๆ มีโรคประจำตัว ซึ่งผมมักจะให้ญาติคนไข้ fight กับหมอให้กินยาสมุนไพรเคอร่าให้ได้ถ้าหากอยากรอด เพราะรู้ดีว่า ยาที่หมอมีในปัจจุบันนั้นไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการรักษาโรคโควิด19 และทำให้เกิดการสูญเสียมากเกิน

 

จำเป็น

🌿ข้อเท็จจริงก็คือ ยาเคอร่านั้นมีประสิทธิภาพสูงมากในการยับยั้งเอนไซม์ที่ไวรัสโควิด19 ใช้ในการขยายตัวทั้ง 2 ชนิด เป็น Dual Modes ซึ่งเป็นกลไกการออกฤทธิ์แบบยับยั้งคู่ที่สมบูรณ์ คือ
1. Main Protease หรือ main Pro เคอร่ามีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ชนิดนี้ดีกว่ายาแผนปัจจุบัน Lopinavir และ Ritronavir ถึง 1500 เท่า และ 500 เท่า ตามลำดับ
2. RNA-dependent RNA polymerase (RdRp) เคอร่ามีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ดีกว่า favipiravir คือที่ความเข้มข้น 100 ug/ml. เคอร่ามีฤทธิ์ยับยั้ง 57.16% ในขณะที่ favipiravir มีฤทธิ์ยับยั้งที่ 12.13%

 

🌿ส่วนการทดสอบในโคโรน่าไวรัสที่ขยายตัวภายในเซลล์นั้นพบว่า
ยาเคอร่ามีประสิทธิภาพในการยับยั้งการขยายตัวของไวรัสที่ดี โดยพบว่าหลังหยดสารสกัดเคอร่าลงไปในจานทดสอบ 96 ชั่วโมง ไวรัสในจานทดสอบด้วยเคอร่ามีปริมาณ 600,000 ตัว ในขณะที่จานควบคุมที่ไม่มีเคอร่า มีปริมาณไวรัส 9,000,000 ตัว
– การทดสอบด้านความเป็นพิษ Cell cytotoxic พบว่า
ยาเคอร่ามีความเป็นพิษต่อเซลล์ตับและเซลล์ไตต่ำมาก ผู้ที่มีน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม ต้องรับประทานยาเคอร่าอย่างน้อยประมาณ 2000 แคปซูล ต่อมื้อ จึงเริ่มมีความเป็นพิษต่อตับ ซึ่งปลอดภัยกว่าฟ้าทะลายโจรมาก
– การทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบ Anti-inflammation พบว่ายาเคอร่า มีฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบที่ดีกว่ายา Nsaids อย่างไดโคลฟีแนคหลายเท่า เมื่อเทียบตามปริมาณการใช้ยา
– การทดสอบฤทธิ์ยับยั้งอนุมูลอิสระ พบว่า ยาเคอร่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงถึง 81,000 umolesTEต่อ 100 กรัม ซึ่งสูงกว่าผลไม้ต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด
– ยาเคอร่ามีแคลเซี่ยมสูงถึง 61,439 mg./kg. ซึ่งเป็นประจุของแคลเซี่ยมที่ละลายน้ำและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ผู้ป่วยโควิด19 ในระยะลงปอดจะเกิด metabolic acidosis คือภาวะเลือดเป็นกรด บางราย pHเลือดจากปกติ 7.45 ลดลงไปเหลือ 6.90 จนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยส่วนใหญ่ ซึ่งเกิดจากการที่ปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์กับออกซิเจนได้ ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์สะสมในเลือดแล้วจับตัวกับน้ำกลายเป็นกรดคาร์บอนิค CO2 + H2O → H2CO และอีกประการหนึ่งคือ การสร้างพลังงาน ATP ของเซลล์ในภาวะขาดออกซิเจน hypoxia นั้น เซลล์จะเปลี่ยนวิธีการสร้างพลังงาน ATP จากการใช้ออกซิเจนเป็นการสันดาปกลูโคลสแทน ซึ่งผลที่ได้จากการสันดาปกลูโคลสจะได้กรดแลคติคขึ้น ส่งผลให้เลือดเป็นกรดเพิ่มขึ้นอีก การได้รับประจุของแคลเซี่ยมซึ่งเป็น Alkaline นั้นส่งผลให้ลดภาวะความเป็นกรดของเลือดลง ฮีโมลโกลบินสามารถจับกับออกซิเจนได้ดีขึ้น ส่งผลให้ลด metabolic acidosis ลง ก็เป็นอีกหนึ่งกลไกที่ทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นได้

 

🌿ด้วยกระบวนการยับยั้งการขยายตัวของไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง, ยับยั้งการอักเสบ, ยับยั้งอนุมูลอิสระ, ลดภาวะ metabolic acidosis ยาเคอร่าจึงเป็นยาที่เป็น Ideal ของยารักษาโรคโควิด19 !!

🌿ซึ่งยาเคอร่านั้น ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก ITAP สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)ในการวิจัยและพัฒนาให้เป็นยาแผนปัจจุบันต่อไป

 

🌿ด้วยการที่ยาเคอร่าเป็นยาแผนโบราณ มีทะเบียนยา (G40/57) ถูกต้องตามกฏหมาย มีมาตรฐาน GMP,HALAL จึงได้ถูกนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด19 ซึ่งผลการใช้ยาเคอร่าในโรงพยาบาล, ศูนย์พักคอย, โรงพยาบาลสนาม และผู้ป่วย Home isolation เกือบ 2000 คน พบว่าผู้ป่วยทุกรายอาการดีขึ้นและหายเป็นปกติ ไม่มีรายใดมีอาการลุกลาม ทุกรายปลอดภัยไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่แล้วจะตรวจไม่พบเชื้อประมาณ 5 วัน หลังจากรับประทานยาเคอร่าตามวิธี โดยที่ไม่มีผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ใด ๆ นอกจากอาการถ่ายเหลวเหมือนท้องเสียในบางราย ซึ่งน้อยมาก

🌿การที่จะทำให้ยาแผนโบราณธรรมดา ๆ มีข้อมูลงานวิจัยเชิงลึกเช่นนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เงินทุนจำนวนมากรวมถึงการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ สุดท้ายก็เพื่อยกระดับของยาไทยสมุนไพรไทยให้ขึ้นสู่ระดับโลก

🌿สุดท้ายแล้วงานวิจัยที่เราทำทั้งหมด จะนำไปสู่การได้มาซึ่งยาแผนปัจจุบันชนิดใหม่ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสตัวใหม่ของโลก แต่ถ้าถามผมในฐานะของแพทย์แผนไทยแล้ว ผมเชื่อว่า Form ที่ดีที่สุดของเคอร่า คือ Form ของยาสมุนไพรตำรับในลักษณะนี้ ไม่ใช่ Form ของสารเดี่ยว Isolate ที่เป็น Form ของยาแผนปัจจุบัน ดังนั้นการใช้ยาเคอร่าเป็นยาต้านไวรัสที่ดีที่สุดแล้วคือใช้ในรูปแบบยาสมุนไพรนี้หละ

 

 

🌿ผมไม่รู้ว่าในอุตสาหกรรมยามันมีอะไรมากมายซ่อนเร้นหรือเปล่า การที่ยาแผนโบราณเม็ดละไม่ถึงสิบบาท กลับมีประสิทธิภาพการรักษาดีกว่ายาแผนปัจจุบันเม็ดละหลายร้อยหลายพันบาท การที่คนกินยาแผนโบราณแล้วรักษาโรคหายโดยไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลไปเสียเงินหลายแสนหลายล้านบาทมันเป็นเรื่องที่รับได้ยากในสังคมนี้ บ้านเมืองนี้หรือเปล่า

🌿บางทีผมเองก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการถูกโจมตีทางสื่อ social ทั้งที่ไม่เคยมีใครมาขอรับทราบข้อมูลผลการวิจัยหรือข้อเท็จจริงใด ๆ ผมก็เลยใช้เวลาส่วนใหญ่ไปแจกยา ช่วยคนด้อยโอกาสทางสังคมในคลัสเตอร์ใหญ่ ๆ ในสลัมทั่วกรุงเทพ แค่ช่วยชีวิตคนให้รอดก็ชื่นใจแล้ว แค่นี้ก็เป็นรางวัลในการทำงานที่ดีที่สุด หลายชุมชนจากที่ตายวันละคน ตั้งแต่ได้รับยาเคอร่าในชุมชนก็จะปรากฏว่าไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก การแพร่ระบาดในชุมชนก็จบลงเป็นศูนย์ภายในเวลาแค่หนึ่งถึงสองสัปดาห์

📌ถ้ามีใครจะโต้แย้งผม ขอให้โต้แย้งด้วย evidence base นะครับ ทุกคำที่ผมเล่ามามี evidence ทั้งหมดไม่ได้พูดลอย ๆ ถามมาได้ ขอข้อมูลได้ แต่อย่าใช้ opionion base ไม่ฟังอะไรเลยใช้แต่ความคิดเห็นส่วนตัวมโนเอาล้วน ๆ มันไม่เกิดประโยชน์

✅และทั้งหมดนี้เป็นคำยืนยันจาก ดร.ภัทร์ ปท.และเป็นเจ้าของยา”KERRA”ที่อัดอั้นอยากระบาย ผู้สื่อข่าวก็ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนโปรดระวังข่าวสารที่ออกมาก่อนหน้านี้ด้วยว่าอย่าหลงเชื่อซึ่งเป็นข่าวปลอมทั้งสิ้น👌

You May Have Missed!

1 Minute
โรงพยาบาล
สำนักอนามัยจัดกิจกรรมรณรงค์วันส้วมโลก ประจำปี 2567 ณ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
1 Minute
โรงพยาบาล
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ จัดพิธีทำบุญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงพยาบาล
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ทรู แจกใหญ่ จัดหนัก กับ แคมเปญ “รวยคูณสอง แจกทอง แจกรถ” ร่วมกับ 8 พาร์ทเนอร์ชั้นนำ มอบโชคใหญ่ให้ลูกค้าทรู ดีแทค รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท เพียงสมัครบริการเสริม ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลทันที ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พ.ค. 68
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
คณะกรรมการบริหารโรงเรียนปลูกปัญญา แต่งตั้ง “บิ๊กทิน” ผจก.ฟุตซอลทีมชาติไทย  เป็นประธานที่ปรึกษาโรงเรียน