” เฉลิมชัย”สั่ งทุกหน่วยหาตลาดรองรับการกระจายสินค้าเกษตร ลดผลกระทบจากข้อจำกัดการขนส่งจากประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่สีแดง
ตามมาตรการยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากมาตรการยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจำกัดการเคลื่อนย้ายและลดการรวมกลุ่มของบุคคลให้มากที่สุด รวมทั้งการห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา 21.00 – 04.00 น. พร้อมกับขอความร่วมงดเดินทางข้ามจังหวัด ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดคือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีเป้าหมายลดจำนวนผู้ป่วยลงภายใน 2-4 สัปดาห์ จึงสั่งการให้กรมส่งเสริมการเกษตรเตรียมพร้อมมาตรการในการบริหารจัดการการตลาดสินค้าเกษตรด้านพืชเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ได้ให้ทุกหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และภาคเอกชนจัดหาช่องทางจำหน่ายและกระจายสินค้าด้านการเกษตรต่างๆ ให้เกษตรกร ได้แก่ ตลาด Modern trade เช่น Tesco Lotus, Big C และ Makro ตลาดกลางค้าส่งขนาดใหญ่ เช่น ตลาดไท ตลาดเฉพาะกิจ เช่น จำหน่ายสินค้าในรูปแบบค้าส่งร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด รวมถึงการขอเปิดตลาดในพื้นที่ทหารที่เคยลงนามร่วมกับกระทรวงกลาโหม การส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ และช่องทางตลาดอื่น ๆ พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับบริษัทขนส่ง เช่น บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท Kerry จำกัด และบริษัท ปอลอ เอ็กเพลส เพื่อสนับสนุนเกษตรกรที่จำหน่ายสินค้าด้านการเกษตรออนไลน์ ด้วยการลดราคาค่าขนส่งสินค้า
นอกจากนี้ยังดำเนินการ “โครงการแบ่งปันน้ำใจ เกษตรไทยสู้ภัยโควิด-19” อย่างต่อเนื่อง โดยมอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางประสานเชื่อมโยง ส่งมอบสินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภคจากหน่วยงานในสังกัด ภาคีเครือข่าย และเกษตรกร ตลอดจนจัดซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกรที่ประสบปัญหาสินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำ ซึ่งเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาของเกษตรกรในช่วงการระบาดของโควิด – 19 ด้วยอีกทางหนึ่ง ปัจจุบันส่งมอบสินค้าเกษตรคุณภาพ ตลอดจนสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับหน่วยงานและประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ต่าง ๆ ไปแล้ว 249 ครั้ง ในพื้นที่ 42 จังหวัด ซึ่งจะขยายพื้นที่ดำเนินงานโครงการให้มากขึ้นต่อไป จนกว่สถานการณ์การระบาดจะดีขึ้น
ทั้งนี้ได้รับรายงานจากกรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดทำแนวทางการบริหารจัดการผลผลิตและตลาดสินค้าเกษตรตั้งแต่ระดับพื้นที่จนถึงระดับประเทศ และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวแล้ว โดยให้สำนักงานเกษตรอำเภอติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์การผลิตการตลาดสินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง และระดับจังหวัดให้ดำเนินการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งพาณิชย์จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ให้บริหารจัดการสินค้าในพื้นที่โดยการจัดหาแหล่งรับซื้อผลผลิต และใช้พื้นที่ใน “ตลาดเกษตรกร” ทั้ง 77 จังหวัด ที่กรมส่งเสริมการเกษตรจัดตั้งขึ้น รวมทั้งให้สำนักงานเกษตรจังหวัดทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประชาสัมพันธ์การจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมทั้งเสนอคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) พิจารณาแก้ไขปัญหาต่อไปส่วนการจัดการระดับส่วนกลาง สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 1 – 6 และกรมส่งเสริมการเกษตรจะเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาเชิงบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน กรณีที่ระดับพื้นที่ไม่สามารถดำเนินการได้
สำหรับการจัดการระดับประเทศ ในกรณีของพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญซึ่งมีการบริหารจัดการทุกมิติอยู่แล้ว โดยคณะกรรมการบริหารระดับประเทศ (บอร์ด) เช่น ผลไม้ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย เป็นต้น กรมส่งเสริมการเกษตรจะดำเนินการนำเสนอบอร์ดที่กรมฯ ทำหน้าที่เป็นเลขานุการ และประสานงานกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของบอร์ดอื่น นำเสนอบอร์ดของชุดนั้นเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาโดยเร็วต่อไป