เกษตรฯผนึกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. รวบแก๊งปุ๋ยเถื่อนคารถพร้อมขยายบุกโรงงานอายัดของกลางกว่าล้านบาท
นายอนันต์ อักษรศรี รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะโฆษกกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ได้รับรายงานด่วนจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรปทุมธานี สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 จ.ชัยนาท และสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ว่า ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก.๒ บก. ปคบ.) สนธิกำลังกันปฏิบัติการล่อซื้อปุ๋ยเคมีที่ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีว่ามีบริษัทซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ต.โพธ์แทน อ.องครักษ์ จ.นครนายก ลักลอบจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีโดยเป็นการกลับกระสอบถุงปุ๋ยและบรรจุเพื่อนำมาขายให้เกษตรกร
หลังสืบทราบเจ้าหน้าที่จึงวางแผนและติดต่อล่อซื้อผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีดังกล่าวจำนวน 100 กระสอบ และปุ๋ยเคมีธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม จำนวน 3 กระสอบ โดยนัดส่งมอบและจ่ายเงินค่าสินค้าที่สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งหนึ่งบริเวณ ต.ลำไทร อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยภายหลังจากที่ได้มีการสั่งซื้อและนัดหมายสถานที่และเวลาในการส่งมอบสินค้าดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนหนึ่งได้เดินทางไปซุ่มดูบริเวณบริษัทซึ่งเป็นแหล่งผลิตตามที่ได้รับแจ้งพบรถยนต์จำนวน 2 คันบรรทุกปุ๋ยเคมีออกมาจากบริษัทมุ่งหน้าไปยังจุดนัดหมายที่สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง จ.ปทุมธานี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรและเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีก 1 ชุดรอรับสินค้า
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แสดงตนและแจ้งความประสงค์เพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์สินค้าที่บรรทุกมาภายในรถยนต์ ซึ่งได้รับการชี้แจงว่าผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีที่ตรวพบดังกล่าวมีโรงงานผลิตอยู่ที่ จ.นครนายก เจ้าหน้าที่จึงได้ขยายผลไปตรวจค้นโรงงานผลิตปุ๋ยดังกล่าว ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบพบ ปุ๋ยเคมีบรรจุในกระสอบพลาสติกสานกลับด้าน ขนาดบรรจุ 50 กิโลกรัม จำนวน 995 กระสอบ ปุ๋ยเคมีสูตร 13-3-5 บรรจุในกระสอบพลาสติกสานขนาดบรรจุ 50 กิโลกรัม จำนวน 200 กระสอบ และปุ๋ยเคมีสูตร 13-3-10 บรรจุในกระสอบพลาสติกสานขนาดบรรจุ 50 กิโลกรัม จำนวน 556 กระสอบ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจำนวนผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีที่ตรวจพบต้องสงสัยว่าผิดกฎหมายมีปริมาณมากจำนวน 92.40 ตัน ซึ่งยากต่อการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษา เจ้าพนักงานจึงได้ร่วมกันตรวจยึด อายัด ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีที่ตรวจพบไว้ที่สถานที่ผลิต และเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรได้เก็บตัวอย่างปุ๋ยเคมีเพื่อนำมาตรวจสอบคุณภาพในห้องปฏิบัติการของกรมวิชาการเกษตรเพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ความผิดในเบื้องต้นจากการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานผลิตปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติปุ๋ยต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 5 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท
สำหรับการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่กรมวิชาการเกษตรต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เพราะถือเป็นการสร้างความเดือดร้อนและเป็นการซ้ำเติมเกษตรกรในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งหากปล่อยให้ปุ๋ยเคมีปลอมและไม่ได้มาตรฐานหลุดรอดไปสู่เกษตรกรจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่าถึง 1,611,170 บาท จึงขอความร่วมมือให้เกษตรกรและประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรือทราบเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้ทราบเพื่อจะได้เข้าไปดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป โดยสามารถแจ้งได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 0-2940-5434