สกัดไม่หยุด ชค.ทพ.13 สระแก้ว สกัดรถยนต์ 2 คัน ลอบขนแรงงานต่างด้าว ชาวกัมพูชา จากชายแดนได้ 19 คนพร้อมคนไทยนำพา2 คน โดยไม่กลัวโควิด
ตามมาตรการเข้มงวดสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และตามข้อสั่งการของ พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.กองกำลังบูรพา ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รอง ผบ.กกล.บูรพา โดย พ.อ.รณรงค์ เส็งมี ผบ.ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 กองกำลังบูรพา ได้สั่งการให้ พ.ท.กมล เรืองนาราบ รอง ผบ.กรมทพ.ที่ 13 จัดกำลังออกลาดเวนและดักชุ่มตามแนวชายแดน กำลังพลเฝ้าซุ่มตรวจในพื้นที่รับผิดชอบตั้งแต่ อ.คลองหาด จนถึงพื้นที่รอยต่อ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ต่อมาช่วงเย็นวานนี้กองกำลังบูรพา โดยหน่วยเฉพาะกิจคลองหาด (ฉก.คลองหาด) พร้อมกำลังทหารพรานที่ 13 ได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คันวิ่งขับเข้ามาด้วยความเร็วในพื้นที่ใกล้แนวชายแดน บ.ป้ายเขียว หมู่ 5 ต.ทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงแสดงตัวให้หยุดรถ และเข้าตรวจค้น พบนายมนัส ดีเลิศ อายุ 36 ปี ที่อยู่ 24 หมู่ 4 ต.ไผ่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน กท 618 กาฬสินธุ์ โดยกระบะท้าย มีชายชาวกัมพูชา นั่งท้ายรถมาด้วย และรถยนต์คันที่ 2 มีนายอดิศักดิ์ บุตรอุดม อายุ 25 ปี ที่อยู่ 25 หมู่ 4 ต.หนองลาด อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ วีโก้ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ฒล 7077 กรุงเทพมหานคร พบชาวกัมพูชารวมแล้วทั้งหมด 19 คน เป็นชาย 12 คน หญิง 7 คน พร้อมสัมภาระมากมาย จนท.ชุดจับกุมได้สอบถามแรงงานกัมพูชาที่สามารถพูดภาษไทยบอกจะไปทำงานที่จังหวัดชลบุรี ได้จ่ายค่ารถคนละ 1,500 บาท ซึ่งมีนายหน้าคนกัมพูชาและคนไทยเป็นคนติดต่อ
จากนั้นจึงได้นำตัวทั้งหมดมาทำการสอบสวนและทำบันทึกจับกุม และจากการสอบสวน ทราบว่า ชาวกัมพูชาทั้งหมด เดินทางมาจาก จ.พระตะบอง และ จ.ไปรเวง ประเทศกัมพูชา ลักลอบเข้าประเทศไทยผ่านมาทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อจะเดินทางไปทำงานรับจ้างในพื้นที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง แต่มาถูกจับกุมตัวเสียก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นำมาตรวจคัดกรองหาอุณหภูมิเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ตามมาตรการเข้มงวดทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งผลการตรวจวัดเป็นปรกติ และบันทึกสอบสวนโดยเจ้าที่ ขกท. กกล.บูรพา ก่อนจะส่งตัวผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองชาวกัมพูชา และคนไทยผู้ร่วมนำพา พร้อมรถยนต์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวจากไตรรัตน์ มีวงษ์ จ.สระแก้ว