ผู้การตร.นราเผยปืน AK 102 ที่หายจากคลังแสง อส.รวม 37 กระบอกใน 5 อำเภอ
กรณีปรากฏข่าวสารจากวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จาก พ.ต.อ.ศุภกร พึ่งรศ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส รายงานด่วนที่สุด ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้องว่า กรณีอาวุธปืน AK 102 ของ อส.เมืองนราธิวาสที่อยู่ในกองร้อยฯที่ 2 ได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2564 เวลา 14.10 น.ได้มีนายมะยูโซ๊ะ กูเตะ ปลัดอำเภอเมืองนราธิวาส เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส แจ้งว่า ตนเองได้รับมอบอำนาจจากนายยะยาห์ ปะนาฆอ นายอำเภอเมืองนราธิวาส ให้มาร้องทุกข์ให้มีการดำเนินคดีกับคนร้ายจากกรณีได้ตรวจสอบกองคลังของกองร้อย อส.ที่ 2 พบว่าอาวุธปืน AK 102 จำนวน 28 กระบอกสูญหายไป
โดย พ.ต.อ.ศุภกร พึ่งรศ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบไล่ไปทีละอาวุธทีละกระบอก ว่าใครเป็นคนสุดท้ายที่ทำการเบิกจ่ายไปจากคลัง นอกจากนี้เท่าที่ทราบปืนที่หายไม่ใช่เฉพาะ อ.เมืองนราธิวาสที่เดียว ยังมีอีกหลายอำเภอของ จ.นราธิวาส
ทางด้าน พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เปิดเผยในกรณีเดียวกันว่า ในส่วนของอาวุธปืนฝ่ายปกครองที่เบิกไปเรียกว่าปืนขนาด 5.56 มม.ชนิด AK 102 โดยกระสุนปืนจะใช้แบบเดียวกันกับอาวุธปืน M 16 ซึ่ง AK 102 จะเป็นอาวุธปืนประจำกายของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน โดยที่มาที่ไปของคดีนี้ เกิดจากเหตุที่มีการปฏิบัติตามกฏหมายในพื้นที่อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ปะทะกับคนร้ายที่บ้านเลขที่ 3 ม.9 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ ทำให้นายซูไรดิน กะแต เสียชีวิต พร้อมยึดอาวุธปืน AK 102 ได้จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้นอีก 1 กระบอก เมื่อเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส นำไปตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวเป็นอาวุธปืนของกองร้อย อส.ที่ 2 อ.เมืองนราธิวาส จึงเป็นที่มาที่ไปของการตรวจสอบและพบว่ายังมีอาวุธปืนชนิดและขนาดเดียวกันหายไปอีกจำนวนหนึ่ง
ซึ่งจากการตรวจสอบปรากฏว่าเป็นอาวุธปืนที่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆทั้งสิ้น จึงได้ประสานกับทางอำเภอโดยทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบอาวุธปืนทั้งจังหวัดว่าที่จริงแล้วอาวุธปืน AK 102 ได้ประทุษร้ายจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งปัจจุบันที่สามารถตรวจสอบได้โดยยังไม่ได้ลงลึกรายละเอียดทั้งจังหวัดหายไป 37 กระบอกในพื้นที่ 5 อำเภอประกอบด้วย อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอสุไหงโก-ลก ,อำเภอรือเสาะ อำเภอศรีสาคร และอำเภอสุไหงปาดี และในจำนวนนี้อาจเป็นอาวุธปืนที่ถูกประทุษร้าย โดยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนบางนายอาจจะปฎิบัติหน้าที่อยู่ โดยถูกคนร้ายมาก่อเหตุและชิงเอาอาวุธปืนหลบหนีไป ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังแยกอยู่ว่ารายละเอียดแต่ละกระบอกหายไปเพราะสาเหตุใด ซึ่งถ้าสามารถแยกได้จะได้ทราบถึงที่มาที่ไปของการหายทั้งหมด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประชุมและดำเนินการอยู่ตามขั้นตอนของกระบวนการกฏหมาย