(วช.) สนับสนุนนักวิจัย (สจล.) พัฒนานวัตกรรมสู้โควิด ห้องไอซียูความดันลบเคลื่อนที่สำหรับโรงพยาบาลสนาม

(วช.) สนับสนุนนักวิจัย (สจล.) พัฒนานวัตกรรมสู้โควิด ห้องไอซียูความดันลบเคลื่อนที่สำหรับโรงพยาบาลสนาม

 

จากความรุนแรงของสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 มีอาการหนักที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากอย่างชัดเจน ทำให้จำนวนเตียงผู้ป่วยและอุปกรณ์ในการรักษาตกอยู่ในภาวะวิกฤต ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนักจำเป็นต้องอยู่ในห้องความดันลบของระบบสาธารณสุขกำลังจะเต็ม จึงมีความจำเป็นต้องจัดหาอุปกรณ์ช่วยชีวิตสำหรับผู้ป่วยวิกฤตในโรงพยาบาลสนาม สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้สนับสนุนทุนวิจัยพัฒนาห้องความดันลบที่สามารถเคลื่อนย้ายได้เพื่อใช้เป็นห้อง ICU ในโรงพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนาม

ผศ.ดร.ณัฐพล ฤกษ์เกษมสันติ์ อาจารย์ประจำภาควิศวกรรมเคมี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดเผยว่า จากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสถานที่ดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายผ่านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลจึงไม่ต้องการนำเข้าไปรักษารวมกับผู้ป่วยในโรงพยาบาล อีกทั้งในโรงพยาบาลก็ประสบปัญหาผู้ป่วยล้นเตียงโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการหนักและต้องดูแลในห้องไอซียูความดันลบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เพื่อพัฒนาห้องความดันลบที่สามารถเคลื่อนย้ายได้เพื่อใช้เป็นห้อง ICU ในโรงพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนาม

โดยพัฒนาเป็นห้องความดันลบขนาด 3×6.5 เมตร/ยูนิต โดยห้องความดันลบนี้มีความพิเศษ คือ มีห้อง anteroom ในตัว และมีระบบควบคุมแรงดันอากาศอัตโนมัติ เพื่อให้ห้องทั้งผู้ป่วยและห้อง anteroom มีความดันที่เหมาะสมและสัมพันธ์กันตลอดเวลา ทั้งในกรณีที่มีการเปิดปิดประตูในแต่ละห้อง หรือมีการเปลี่ยนแปลงแรงดันภายในห้องจากกรณีอื่นๆ เพื่อมั่นใจได้ว่าอากาศภายในห้องที่อาจจะมีเชื้อโรคปนเปื้อนจะไม่ไหลออกมาสู่ภายนอก เพื่อช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ภายนอก มีระบบดูดอากาศที่อาจเชื้อโรคเจือปนผ่านเครื่องกรองอากาศฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรองอนุภาคขนาดเล็ก เพื่อกรองเชื้อไวรัสและปล่อยออกมาเป็นอากาศดีสู่ภายนอกอาคาร

จากประสิทธิภาพการควบคุมการไหลเวียนของอากาศ สามารถควบคุมเชื้อโรคให้อยู่ในพื้นที่จำกัดได้ แต่ละยูนิตสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 1 คน จุดเด่นของห้องความดันลบนี้คือ เป็นห้องสำเร็จรูปที่สามารถนำไปติดตั้งที่ไหนก็ได้ เช่น นอกโรงพยาบาล หรือโรงพยาบาลสนาม เพียงแค่เชื่อม ระบบไฟเข้ากับห้องความดันลบก็สามารถใช้งานได้แล้ว และที่สำคัญคือสามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น ห้อง ICU ห้องตรวจ หรือห้องฉุกเฉิน ขณะนี้ต้นแบบผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้วและนำไปทดลองใช้งานที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ปรากฏ ว่าได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี

ดังนั้น ในภาวะที่ระบบสาธารณสุขของประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาเตียงสำหรับผู้ป่วย ห้องผู้ป่วยความดันลบแบบเคลื่อนย้ายได้จึงสามารถตอบสนองความต้องการใช้งาน และยังช่วยรองรับกับมาตรการการป้องกันและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ได้ นอกจากนี้หลังสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ห้องดังกล่าวยังสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์ปกติกับผู้ป่วยที่มีอาการป่วยด้วยโรคติดต่อทางทางเดินหายใจอื่นๆ เช่น วัณโรค ต่อไปในอนาคตได้ เพื่อสามารถรักษาผู้ป่วยเหล่านี้นอกอาคารโรงพยาบาลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคผ่านระบบปรับอากาศภายในโรงพยาบาลต่อไป

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเผยว่า (วช.) มีนโยบายสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาของไทยพัฒนานวัตกรรมในด้านต่างๆ เพื่อลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ ปัจจุบัน โครงการที่ (วช.) ได้สนับสนุนทุนวิจัย มหาวิทยาลัยหลายแห่งสามารถผลิตนวัตกรรมเพื่อตอบสนองการแก้ปัญหาด้านต่างๆ ของประเทศ เช่น ด้านการแพทย์ ด้านการเกษตร ด้านสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ ตามความเร่งด่วนของปัญหาที่เกิดขึ้น นวัตกรรมหลายประเภทสามารถผลิิตออกมาจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ และอีกหลายโครงการเป็นการวางรากฐานงานวิจัยของไทยให้เกิดความเข้มแข็งในระยะยาว

สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

You May Have Missed!

1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
“ทีเส็บ วีซ่า” ชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์ไมซ์เหนือระดับ  พร้อมสิทธิประโยชน์-ประสบการณ์สุดพิเศษในไทย ผ่านบัตร “Thailand MICE Visa Prepaid Card” เพียงใบเดียว
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
กิ่งกาชาดอำเภอแม่สายตั้งโรงครัว เตรียมอาหารและน้ำดื่ม ให้ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม และเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานต่างๆ ช่วยเหลือประชาชน
0 Minutes
สังคม
พบปะสังสรรค์ และพูดคุยหารือเรื่องข้อกฎหมาย 
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
องคมนตรี มอบรางวัล THAILAND MORAL AWARDS 2023 เชิดชูเกียรติ สื่อ บุคคล ชุมชนและองค์กร ที่สร้างแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วนของสังคม ย้ำเป็นก้าวสำคัญให้คนไทยตระหนักถึงการทำความดีว่าเป็นสิ่งที่ทำได้จริง และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมได้เป็นรูปธรรม