กก.2 บก.สส.สตม. รวบจีนหัวใส ปลอมบัตรเครดิต รูดซื้อของ มีผู้เสียหายสูญเงินนับล้าน

กก.2 บก.สส.สตม. รวบจีนหัวใส ปลอมบัตรเครดิต รูดซื้อของ มีผู้เสียหายสูญเงินนับล้าน

 

วันที่ 4 พ.ค.64 เวลา 10.30 น.ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร 1 สตม. ซอยสวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ  เขตสาทร กรุงเทพมหานคร : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย,พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ปฏิญญา จีรชนาสิน ผกก.2 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวผลงานการจับกุมชาวต่างชาติ ทำปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของบุคคลอื่นโดยมีรายละเอียด ดังนี้

กองกำกับการ 2 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารว่ามีผู้ลักลอบนำบัตรเครดิตปลอมมาใช้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้สืบสวนหาบุคคลที่มีพฤติกรรมกระทำผิดดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน ว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติจีนพักอาศัยที่อาคารพาณิชย์ บริเวณ ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ แขวงสามแสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดยมีพฤติการณ์น่าสงสัย เจ้าหน้าที่สืบสวน กก.2 ได้เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าวอีกครั้ง ปรากฎว่าพบบุคคลต่างด้าวลักษณะเป็นบุคคลสัญชาติจีน เดินออกมาจากอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่สืบสวน กก.2 จึงได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบหนังสือเดินทาง แต่บุคคลดังกล่าวแสดงท่าทางมีพิรุธไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และวิ่งหนีเข้าไปในอาคารหลังดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงติดตามโดยทันที และสามารถจับกุมตัวไว้ ทราบชื่อภายหลังคือ MR.JIANG

เจ้าหน้าที่สืบสวน กก.2 จึงได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง หรือเอกสารแทนหนังสือเดินทาง แต่บุคคลดังกล่าวไม่สามารถนำหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ เพราะหนังสือเดินทางฯอยู่ในห้องนอนภายในอาคารหลังดังกล่าว หลังจากนั้น MR.JIANG จึงได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปภายในอาคารและห้องนอนที่ชั้น 4 ของตนเพื่อที่จะได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ตรวจสอบหนังสือเดินทางฯ เมื่อถึงในห้องนอนชั้น 4 MR.JIANG ได้หยิบหนังสือเดินทางให้แก่เจ้าหน้าที่พบว่า MR.JIANG ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ถึง 29 พ.ค.64 และเจ้าหน้าที่ฯได้ตรวจพบบัตรอิเล็กทรอนิกส์หลายใบ เป็นบัตรที่มีชื่อเป็นของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ของ MR.JIANG รวมถึงยังมีบัตรเครดิตเปล่า วางอยู่ข้างที่นอน และกระเป๋าของ MR.JIANG จึงได้ให้ MR.JIANG พาตรวจสอบภายในห้อง พบอุปกรณ์อ่านและเขียนบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง SKIMMER) พร้อมกับแท็บเล็ต วางอยู่บนโต๊ะภายในห้องดังกล่าว MR.JIANG รับว่าบัตรอิเล็กทรอนิกส์หลายใบที่อยู่ภายในกระเป๋าและอุปกรณ์อ่านและเขียนบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง SKIMMER) พร้อมกับแท็บเล็ตเป็นของตน และบัตรต่างๆ ตนได้ใช้ในการรูดซื้อสินค้า

เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ จึงได้ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านบัตรอิเลคทรอนิกส์จากธนาคารกสิกรไทย ฝ่ายจัดการการทุจริต ทำการตรวจสอบบัตรว่าข้อมูลภายในบัตรและข้อมูลที่ปรากฏที่หน้าบัตร มีข้อมูลตรงกันหรือไม่ และเจ้าของบัตรเป็นของ MR.JIANG หรือไม่ หลังจากตรวจสอบพบว่าบัตรอิเล็กทรอนิกส์บางใบมีชื่อเจ้าของบัตรเป็นบุคคลอื่น ไม่ปรากฏชื่อ MR.JIANG ภายในบัตร และยังมีเลขหน้าบัตรกับเลขข้อมูลภายในบัตรไม่ตรงกัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจฯจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ MR.JIANG ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “ทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมขึ้นโดยการแก้ไขด้วยประการใดๆ ในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่แท้จริง”,”ใช้หรือมีไว้ใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม”,”ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” พร้อมทำบันทึกจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

หลังจากการสอบถาม MR.JIANG ได้ให้การว่าตนนั้นได้ทำเป็นเวลานามแล้ว โดยได้ซื้อข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวมาจำนวนหนึ่ง และได้นำข้อมูลดังกล่าวมาใส่ในบัตรฯที่ตนเองได้เตรียมไว้ เมื่อใส่ข้อมูลลงไปในบัตรเสร็จจึงนำบัตรดังกล่าวนำไปรูดซื้อสินค้า เช่น กระเป๋า เสื้อผ้า หรือสินค้าแบรนด์เนมราคาแพง ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เป็นต้น

พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆรวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชน
ท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th

สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน