ทบ.-กอญ.ททบ.5 ปิ๊งไอเดียกระฉูด สร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์กว่าสามหมื่นเมกะวัตต์ในพื้นที่ทหาร
ชงนายกฯอนุมัติ คนไทยได้ประโยนช์ทั่วประเทศใน3ปี
เมื่อวันที่ 3 มี.ค.64 ททบ.5ได้เชิญสื่อมวลชนจากหลายสำนักเข้าพูดคุยถึงแนวนโยบายการขายสินค้าการเกษตรทุกรูปแบบที่ทาง ททบ.5ได้เปิดรับซื้อขายตรงกับเกษตรกรและผู้บริโภคโดยผ่าน OHLALA SHOPPING .COM มากว่า6เดือนทาง ททบ.5และทางแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ของโอลาล่าช้อปปิ้ง จนมีการสั่งซื้อสินค้าเกษตรมากมาย และทาง ททบ.5 ยังมีแนวนโยบายจะขยายไปยังประเทศจีน โดยประสานผ่าน เจดีดอทคอม (JD.COM) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ด้านอีคอมเมิรซ์ของประเทศจีน ที่มีการขายของหลากหลาย ซึ่งหากผ่านทาง JD.COM แล้วจะทำให้สินค้าทางการเกษตรทุกอย่างของไทย อาหารทะเลและสินค้าระดับพรีเมียม ขายดีและส่งตรงถึงมือผู้บริโภคได้รวดเร็วและสดใหม่ทุกวัน จะทำให้เกษตรกรไทยได้ประโยชน์มากขึ้นเพราะจะไม่ได้ผ่านพ่อค้าคนกลาง จะซื้อขายผ่านตรงกับทางโอลาล่าช้อปปิ้งทางเดียวเท่านั้น
นอกจากการวางแผนการตลาดการเกษตรให้เกษตรกรไทยแล้ว ยังมีแนวนโยบายสำคัญในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเพราะสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 มากว่า1ปี ทำให้เกิดการเลิกกิจการ เลิกจ้าง ทำให้คนไทยนั้นไม่มีรายได้อาจทำให้กระทบถึงขนาดประชาชนระดับล่างไม่มีเงินจ่ายค่าไฟก็เป็นได้ เพราะกว่าเศรษฐกิจในระยะต่อสู้กับโควิด19นั้น ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี ทางกองทัพบกได้ร่วมคิดกับ ททบ.5 ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นพื้นที่หรือแหล่งทรัพยากรที่มีมาก พร้อมที่จะก่อสร้างแหล่งพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ไม่ต่ำกว่า30,000เมกะวัตต์ ในประเทศไทยที่ได้ร่วมกันศึกษามานานจะเป็นที่ยืนยันได้ว่าที่ผ่านมา ทาง ทบ.และ ททบ.5ได้ศึกษาดูงานมาเป็นอย่างดีแล้วว่า หากสร้างเสร็จคนไทยจะได้ประโยชน์มหาศาล และกำลังนำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการสำคัญนี้
หากทางกองทัพบก มีเซ็นบันทึกข้อตกลงกับ การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย จะใช้พื้นที่ราชพัสดุกว่า 4.5ล้านไร่ ของกองทัพบกที่ดูแลอยู่ สร้างเป็น “เมกะโซลาร์ฟาร์ม” ขนาด ไม่ต่ำกว่า 30,000 เมกะวัตต์ เพื่อผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในหลายพื้นที่ ซึ่งจะให้บริษัทเอกชนเข้าร่วมทุน 51เปอร์เซ็นต์ และพื้นที่นำร่องในจุดแรกๆก็อาจเป็นจุดอยู่ที่ ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ในเนื้อที่หลายพันไร่ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ 300 เมกะวัตต์เป็นอย่างน้อย ใช้เงินก่อสร้างไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้มีบริษัทเอกชนที่สนใจหลายรายที่มาจะร่วมลงทุน หากมีการอนุมัติโครงการ ทางภาครัฐต้องหาทุนก้อนใหญ่มาสร้างโซลาร์ฟาร์ม 30,000 เมกะวัตต์ ต้องใช้เงินทุน ไม่ต่ำกว่า700,000 ล้านบาท โดยรัฐจะเปิดโอกาสให้บริษัทยักษ์ใหญ่มาร่วมลงทุนก็มีความเป็นไปได้
ส่วนทางภาคเอกชนได้ติดตามข่าว โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของกองทัพบก 30,000 เมกะวัตต์ และ พื้นที่อีอีซี 500 เมกะวัตต์มานานแล้ว และสนใจกำลังรอโครงการนี้กันอยู่ ซึ่งเห็นว่า ทั้งสองโครงการถือว่าอาจได้ทำจริง เเต่ยังไม่ได้บรรจุอยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) เพราะอยู่ในระหว่างเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาก่อน ในขณะที่ พลโท รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) และ ตัวแทนกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ว่า โครงการนี้มาถูกที่ ถูกเวลา ในช่วงสภาวะโควิด-19ระบาดในนานาประเทศและประเทศไทย ในท่ามกลางวิกฤตินี้ แม้โครงการจะยังไม่ได้อยู่ในแผน PDP ฉบับใหม่ก็ตาม แต่แผน PDP สามารถปรับปรุงได้ เพราะตอนเขียนแผนไม่ได้อยู่ในภาวะไม่ปกติ เหมือนปัจจุบันนี้ แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
แผนพัฒนาไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) พ.ศ.2561-2580 ฉบับล่าสุด เพิ่งผ่านการเห็นชอบจาก คณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ประเทศไทยอยู่ในภาวการระบาดของไวรัสโควิด19 ทั่วโลกและประเทศไทยต้องปิดประเทศ ภายในประเทศก็ปิดโรงงานกันมากมายกระทบไปจนถึงประชาชนระดับรากหญ้ากันทั่วหน้า
พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพ ชี้แจงว่า ทบ. เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2564 กองทัพบก ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนิน “โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก” ในแนวคิดการจัดตั้ง โรงไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกจากแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์ฟาร์มที่จะนำเสนอนายกฯในเร็วๆนี้ โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในการดูแลของกองทัพบก ผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ลดมลพิษตลอดจนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ทาง ทบ.และ ททบ.5 ได้ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการนี้และยังต้องศึกษาต่อไปอีก
ในส่วนของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ต้องการสนับสนุนเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานในประเทศไทยและได้คำนวนระยะเวลาการก่อสร้างไว้ว่า หากได้อนุมัติก่อสร้าง ก็จะเสร็จในเวลาประมาณ 2 ปี ซึ่งโครงการนี้ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาต่อเนื่องถึงความเป็นไปได้เท่านั้น ทางกองทัพบกยังไม่มีนโยบายที่จะดำเนินโครงการในเชิงพาณิชย์ แต่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชนก่อนเท่านั้น
