จ.อุบลราชธานี ยึดหลัก “บวร” น้อมนำศาสตร์พระราชา สู่การปฏิบัติ เปิดการฝึกอบรม “โคก หนอง นา โมเดล” รุ่นที่ 8 ณ ศูนย์ฝึกอบรมวัดภูอานนท์ อ.โขงเจียม

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 14.30 น. ณ ศูนย์ฝึกอบรมวัดภูอานนท์ บ้านซะซอม หมู่ที่ 7 ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี  นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กิจกรรมที่ 1 ฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล รุ่นที่ 8 ณ ศูนย์ฝึกอบรมวัดภูอานนท์ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีบ้านซะซอม หมู่ที่ 7 ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีนายคมกริช ชินชนะ พัฒนา​การจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการฯ และได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์วรวุฒิ อาจารสุโภ เจ้าอาวาสวัดภูอานนท์ ที่ได้อนุเคราะห์สถานที่ในการฝึกอบรมฯ และร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนและเสียสละเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตลอดมาตามหลัก “บวร” หรือบ้าน วัด ราชการ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ พัฒนาการอำเภอ ผู้นำชุมชน คณะวิทยากรและเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธีฯ

โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ประธานในพิธีฯ ได้พบปะและกล่าวถึงการดำเนินงานโครงการฯ ว่า “โครงการโคก หนอง นา โมเดล จะช่วยสร้างเศรษฐกิจฐานรากของคนในชุมชน ขอบคุณทุกคนที่สมัครเข้าร่วมโครงการ โคก หนอง นา โมเดล ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานีของเรานั้น ได้รับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ มากที่สุดในประเทศไทย จึงต้องเอาโคก หนอง นา มาแก้ปัญหาภัยแล้ง และการไม่มีน้ำใช้ในที่ดินทำกิน เพราะโครงการนี้จะทำให้เรามีบ่อน้ำเป็นของตนเอง สามารถใช้ในแปลงเกษตรในพื้นที่ของตน สำหรับนาข้าว พืชผักสวนครัวและปศุสัตว์ ขอฝากหัวใจสำคัญของโคกหนองนา คือการ “แก้แล้ง เก็บฝน” โดยการแก้เเล้ง หมายถึงแปลงตัวอย่างโคก หนอง นา โมเดล ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ที่กระจายกันอยู่ใน 25 อำเภอ จำนวน 3,960 แปลง ที่จะสามารถเก็บน้ำได้มากที่สุดถึงประมาณ 19 ล้าน ลูกบาศก์เมตร และทำให้มีน้ำใช้ในการเกษตร ในการอุปโภคบริโภค ส่วนการเก็บฝนนั้น หมายความว่าในฤดูฝน พื้นที่โคกหนองนาจะช่วยเก็บน้ำฝนให้เรามีน้ำใช้ ช่วยชะลอน้ำหลาก ซึ่งเป็นต้นเหตุของน้ำท่วม นอกจากนั้น โคก หนอง นา ยังทำได้มากกว่าแก้เเล้งเก็บฝน นั่นก็คือ เป็นพื้นที่สร้างแหล่งอาชีพให้ลูกหลาน ในอนาคต เป็นการพึ่งตนเองตามหลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 และเป็นการนำเอาความรู้สมัยใหม่บวกกับความรู้สมัยเก่า กล่าวคือการนำเอานวัตกรรมเข้ามาใช้แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงสภาพภูมิสังคม และองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่เดิมและเป็นที่ยอมรับตั้งแต่อดีต ในส่วนของจังหวัดฯ จะให้การสนับสนุน โดยการดึงเอาหน่วยราชการมาช่วยนำผลผลิตของท่านมาพัฒนา ส่งเสริมการแปรรูป รวบรวมผลผลิตมุ่งสู่แบรนด์ “โคก หนอง นา โมเดล จังหวัดอุบลราชธานี” โดยมีครัวเรือนเป้าหมายโครงการฯ เป็นหน่วยผลิต และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเป็นหน่วยสนับสนุนส่งเสริม เช่น พาณิชย์ อุตสาหกรรม และหน่วยงานทางวิชาการต่างๆ นอกจากนั้น จังหวัดฯ จะจัดทำฐานข้อมูล “โคก หนอง นา โมเดล” ในรูปแบบบัตรประจำตัวผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเก็บข้อมูลการผลิต ข้อมูลพื้นที่ พิกัดที่ตั้งพื้นที่ ซึ่งเป็นการบ้านที่จังหวัดฯ จะต้องทำให้สำเร็จและสร้างความต่อเนื่องของโครงการฯ ไม่ปล่อยให้ทุกท่านทำอย่างโดดเดี่ยวแน่นอน ในอนาคต อันใกล้นี้ จังหวัดอุบลราชธานี ของเรา จะมีศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” กระจายอยู่ทั่วจังหวัด เพื่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุด คือเราจะมีความสุขในการประกอบอาชีพ มีความสุขในการทำมาหากิน พี่น้องประชาชนมีเศรษฐกิจครัวเรือนแข็งแรง มีความเข้มเเข็ง ต่อสู้กับผลกรพทบจาก COVID-19 ท้ายที่สุดนี้ ผมถือโอกาสมาให้กำลังใจและในอนาคตต่อไปผมเองก็จะเป็นสมาชิกที่ได้ทำโคกหนองนาร่วมกับท่าน ซึ่งปัจจุบันได้ทำโคกหนองนาในพื้นที่ของตนเอง โดยใช้งบประมาณส่วนตัว บนพื้นที่ 18 ไร่ ในพื้นที่อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี ของเรา” ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีกล่าว ก่อนตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและเยี่ยมชมฐานการเรียนรู้ฐานคนมีน้ำยา พร้อมนี้ได้สนับสนุนซื้อสินค้า OTOP ของบ้านซะซอมที่นำมาจำหน่ายในโครงการฯ ด้วย

จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับการอนุมัติงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กิจกรรมที่ 1 ฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่การปฏิบัติในรูปแบบโคก หนอง นา โมเดล ให้สามารถเป็นแกนนำขับเคลื่อนการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่การปฏิบัติในรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ดำเนินการ 48 รุ่นๆ ละ 5 วัน กลุ่มเป้าหมายเข้ารับการอบรม 4,790 คน ประกอบด้วยครัวเรือนพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตครัวเรือนละ 1 คน และนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ จำนวน 898 คน ระยะเวลาดำเนินการะหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 4 มิถุนายน พ.ศ. 2564 จุดดำเนินการ 5 แห่ง ดังนี้ 1)ศูนย์พุทธธรรมพรหมวชิรญาณ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ตำบลหัวดอน อำเภอเขื่องใน จำนวน 16 รุ่น 2)วัดป่าศรีแสงธรรม ตำบลห้วยยาง อำเภอโขงเจียม จำนวน 11 รุ่น 3)ศูนย์ฝึกอบรมวัดภูอานนท์ ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จำนวน 11 รุ่น 4)ศูนย์เรียนรู้ทุนชุมชนสารภีท่าช้าง ตำบลท่าช้าง อำเภอสว่างวีระวงศ์ จำนวน 5 รุ่น และ 5)ชุมชนต้นแบบหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงบ้านดอนหมู ตำบลขามเปี้ย อำเภอตระการพืชผล จำนวน 5 รุ่น ซึ่งการฝึกอบรมรุ่นที่ 7-11 มีกำหนดดำเนินการพร้อมกันทั้ง 5 จุด ระหว่างวันที่ 15-19 กุมภาพันธ์ 2564 และมีพิธีเปิดการฝึกอบรมฯ ในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2564

สำหรับการฝึกอบรมตามโครงการฯ รุ่นที่ 8 ระหว่างวันที่ 15-19 กุมภาพันธ์ 2564 ณ ศูนย์ฝึกอบรมวัดภูอานนท์ แห่งนี้ มีกลุ่มเป้าหมายเข้ารับการฝึกอบรมฯ จากอำเภอนาตาล 86 คน อำเภอศรีเมืองใหม่ 14 คน และอำเภอโพธิ์ไทร 6 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 106 คน โดยได้รับความร่วมมือจากทีมวิทยากรที่ผ่านการอบรมจากศูนย์กสิกรรมธรรมชาติและทีม SAVEUBON ร่วมกับวิทยากรจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอ ดำเนินโครงการฯ ตามมาตรการเฝ้าระวังโรคไวรัส COVID-19 อย่างเคร่งครัด

อุบลราชธานี เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี : งานประชาสัมพันธ์ สพจ.อุบลราชธานี…ภาพข่าว/รายงาน