กองทัพภาคที่ 3 จับมือกระทรวงมหาดไทย นำเฮลิคอปเตอร์ ปภ. KA-32 ปฏิบัติการควบคุมไฟป่า 17 จังหวัดภาคเหนือ
พลตรี ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า (บก.คฟป.ทภ.3 สน.) กล่าวว่า ขณะนี้กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำเฮลิคอปเตอร์ ปภ. KA-32 ซึ่งเป็นเฮลิคอปเตอร์สมรรถนะสูง จำนวน 2 ลำ มาประจำการที่ พล.ร.7 อ.เเม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อเตรียมรับภารกิจขึ้นบินปฏิบัติการควบคุมไฟป่า แก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวอีกว่า สำหรับเฮลิคอปเตอร์ ปภ.KA-32 ได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับภารกิจค้นหากู้ภัยและการดับเพลิง ทั้งในสภาพพื้นราบทั่วไป หรือบนอาคารสูง รวมทั้งในแหล่งที่รถดับเพลิงทั่วไปยากจะเข้าถึงได้ สมรรถนะในการทรงตัวสูง บินช้าๆ ลอยตัวนิ่งๆ ได้นานกว่าเครื่องบินอื่นๆ ทนต่อสภาวะอากาศเลวร้าย สามารถเติมน้ำและปล่อยน้ำได้คราวละ 3,000 ลิตร ได้โดยไม่ต้องลงจอดและสามารถใช้ปืนฉีดน้ำและสารเคมีดับเพลิง รวมทั้งยังมีอุปกรณ์ กระเช้าตักน้ำได้อีก 5,000 ลิตร รอกกู้ภัยไฟฟ้ารับน้ำหนัก 300 kg. และเปลพยาบาล พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์
ทั้งนี้ จังหวัดที่ประสบปัญหาไฟป่าใน 17 จังหวัดภาคเหนือ สามารถร้องขอการใช้เฮลิคอปเตอร์ไปดับไฟได้ โดยขอให้ระบุพิกัดเป้าหมาย มาที่กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เพื่อพิจารณาความเร่งด่วน ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขณะเดียวกัน ขอให้จังหวัดสำรวจแหล่งน้ำในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งจะต้องมีขนาดประมาณ 50 x 50 เมตร และมีความลึกไม่น้อยกว่า 50 เมตร ที่สำคัญไม่ควรมีต้นไม้สูงและสิ่งปลูกสร้างในบริเวณดังกล่าว ตลอดจนหาพื้นที่สำหรับใช้ในกรณีที่เฮลิคอปเตอร์มีความขัดข้องจำเป็นจะต้องลงทำการตรวจสอบ ซึ่งต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยขนาด 50×50 เมตรต่ออากาศยาน 1 ลำ
ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก