รฎาวัญ” อึ้ง กรมการแพทย์แผนไทยมีงบฯบริหารปีละ50ล้านบาท น้อยกว่างบฯรพ.ชุมชนบางแห่ง
วอน สธ.เพิ่มงบฯพัฒนาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยให้ได้มาตรฐานสากล
นางรฎาวัญ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและประธานองค์กรภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย เปิดเผยว่า วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ตนได้นำคณะผู้ประกอบการวิชาชีพการแพทย์แผนไทยอาทิ พท.ดร.สุวรรณ ตั้งจิตเจริญ นายกสมาคมแพทย์อายุรเวชแผนไทยประยุกต์ฯ พลตรี ดร.ถิรเดช ซักเขื่อนขันธ์ ประธานชมรมพุทธโพธิ์พญา พท.ภ.บัญชา สุวรรณธาดา ที่ปรึกษาโครงการแพทย์ร่วมสมัย พท.ภ.โสภณภัคจ์ วัดพุทธญาณวงศ์ ประธานสภาครูแพทย์แผนไทย พร้อมด้วย ดร.รัตนจันทร์ ศีลสัมฤทธิ์ นายสถิตย์พันธ์ ธรรมสถิตย์ และนายณัทธชลัช ผดุงสรรพ กรรมการองค์กรภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย่ เข้าพบหารือกับ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกซึ่งมี นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีฯ ร่วมหารือด้วย
อย่างไรก็ตามการเข้าพบครั้งนี้ได้มีการสอบถามและข้อเสนอในหลายประเด็นอาทิการขอทราบกระบวนการดูแลสุขภาพประชาชนภายใน 14 วันของการกักตัวว่าได้ทำอย่างไรบ้างขณะเดียสกันยังมีการเสนอแผนปฎิบัติตามหลักภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยเพื่อให้ร่างกายผู้ที่ถูกกักตัว 14 วันแข็งแรงและเกิดภูมิคุ้มกันโรคหรือทำให้เชื้อโรคอ่อนแรงด้วยการกลั้วคอด้วยน้ำเกลือสินเทา
ดื่มน้ำมะนาวอุ่นดื่มชาสมุนไพรรับประทานอาหารรสร้อน รสเปรี้ยว รสขม(อาหารเป็นยา)กายบริหารฤาษีดัดตน ยืดเหยียดปรับสมดุลร่างกาย
บริหารปอดและระบบทางเดินหายใจ ด้วยการกำหนดลมหายใจ ทำสมาธิภาวนา ให้จิตใจสงบสุขทำความสะอาดมือด้วยน้ำมันสกัดสมุนไพร
และสูดดม ทา ด้วยน้ำมันสกัดสมุนไพร
นอกจากนั้นยังขอให้กรมการแพทย์แผนไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงสาธารณสุข ประสานกับองค์กรภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย เพื่อผลิตและเผยแพร่หรือจัดกิจกรรมโครงการ การให้ความรู้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยตามที่มีการเสนอในข้างต้น
ขณะเดียวกันยังขอทราบแผนปฎิบัติในการกำหนดพื้นที่ภาคสนามเพื่อให้แพทย์แผนไทย แพทย์พื้นบ้านเข้าร่วมในการให้คำแนะนำ ฝึกสอนการปฎิบัติตัวตามหลักของภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ให้แก่ประชาชนที่ถูกกักตัวรวมทั้งประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยใช้ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนเป็นศูนย์ปฏิบัติการสร้างภูมิคุ้มกันด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและขอทราบความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างองค์กรภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย สภาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อการจัดทำแผนปฏิบัติ ตามข้อเสนอเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564ที่ผ่านมาให้เป็นรูปธรรมพร้อมทั้งเสนอให้วิจัยและพัฒนาตำรับยาแผนไทยและสมุนไพรไทยทุกชนิดให้ได้มาตรฐานและจดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาให้เป็นของประเทศไทยโดยเร็ว เพื่อป้องกันต่างชาตินำไปจดลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ
“ได้ทราบถึง ความตั้งใจส่งเสริมพัฒนาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยของอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯที่มีความพยายามดำเนินการตลอดมา แต่งบประมาณที่กรมฯได้รับจัดสรรแต่ละปีนั้นเมื่อหักค่าใช้จ่ายเงินเดือนแล้วจะเหลือแค่ 50-60ล้านบาท เพื่อใช้ในการบริหาร เมื่อเทียบกับงบประมาณบริหารของโรงพยาบาลชุมชนบางแห่งยังมีมากกว่านี้หลายเท่า ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขควรให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมพัฒนาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรจัดสรรงบประมาณเพื่อทำการวิจัยให้ตำรับยาแผนไทยได้มาตรฐานสากลโดยเร็ว ซึ่งจะเกิดผลดีต่อสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม” นางรฎาวัญกล่าว