กรมประมงลงพื้นที่ ชลบุรี หนุน ชาวประมงพื้นบ้าน เปลี่ยนวิธีการทำการประมงลูกหอยแครงเพื่อให้ทรัพยากรมีใช้อย่างยั่งยืน

กรมประมงลงพื้นที่ ชลบุรี หนุน ชาวประมงพื้นบ้าน เปลี่ยนวิธีการทำการประมงลูกหอยแครงเพื่อให้ทรัพยากรมีใช้อย่างยั่งยืน

 

นายบัญชา  สุขแก้ว  รองอธิบดีกรมประมง และคณะฯ ลงพื้นที่คลองตำหรุ่ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจพื้นที่การทำประมงลูกหอยแครง และเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ เข้าตรวจสอบเหตุลักลอบทำการประมงหอยแครง บริเวณกลางอ่าวบางปะกง จังหวัดชลบุรี

ทั้งนี้นายบัญชา  กล่าวว่า พื้นที่บริเวณกลางอ่าวบางปะกง จังหวัดชลบุรีนั้น เป็นพื้นที่ปากแม่นน้ำ ที่มีสภาพเป็นหาดโคลนหรือพื้นดินเลนละเอียด มีความลึกของน้ำไม่เกินสองเมตร  ซึ่งเป็นพื้นที่ที่หอยแครงชอบฝังตัว  จึงพบว่ามีความชุกชุมของลูกหอยแครงเป็นจำนวนมาก ชาวประมงพื้นบ้านจึงนิยมทำประมงลูกหอยแครงกัน โดยวิธีช้อนหอยลูกหอยแครงด้วยเครื่องมือสวิง มีลักษณะเป็นถุง ลากด้วยมือ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือคราดประกอบเรือยนต์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่อนุญาตให้ใช้ได้ตามกฎหมาย ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ที่มีการกำหนดให้สามารถทำการประมงหอยแครงในเขตทะเลชายฝั่งได้โดยการจับด้วยมือหรือเครื่องมือที่ไม่ใช้ประกอบเรือกล แต่ ยังคงห้ามเครื่องมืออวนลากหรือคราดหอยในเขตทะเลชายฝั่ง ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูงเช่นเดิม  ส่วนในเขตทะเลนอกชายฝั่งให้ใช้คราดหอยประกอบเรือกลได้ แต่ต้องได้รับใบอนุญาตทำการประมงประมงพาณิชย์เท่านั้น  ส่งผลให้พี่น้องชาวประมงที่ทำการประมงลูกหอยแครง มีรายได้ โดยเฉลี่ย 1,000-2,000 บาทต่อคนต่อวัน จากการออกสำรวจพบว่าในระหว่างวันที่ 26 – 29 มกราคม 2564     มีชาวประมงอย่างน้อย 100-200 ราย/วัน ใช้วิธีการทำการประมงโดยไม่ใช้เรือยนต์ประกอบเครื่องมือคราด สามารถใช้ประโยชน์ลูกหอยแครงได้อย่างคุ้มค่า  และให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องชาวประมงในการเข้าถึงทรัพยากรได้อย่างเสมอภาค   อีกทั้ง ยังช่วยลดการสูญเสียของทรัพยากร ลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ และสร้างห่วงโซ่การผลิตทรัพยากรในธรรมชาติ  ทำให้ลูกหอยมีอัตราการรอดสูงขึ้นได้   ซึ่งน่าชื่นชมและสนับสนุนให้เป็นตัวอย่างของการทำการประมงลูกหอยแครง ในลักษณะเช่นนี้ทั่วประเทศ เพื่อนำลูกหอยไปเลี้ยงในที่ที่มีอัตรารอดสูง สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่สำคัญอีกทางหนึ่งด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มชาวประมงที่ยังคงทำผิดกฎหมาย  อยู่ประมาณ 50 ลำ ซึ่งไม่ถึง 1 % ของจำนวนเรือประมงพื้นบ้านทั้งหมด ประมาณ 6,200 ลำ ที่ทำประมงอย่างถูกกฎหมายในเขตพื้นที่อ่าวไทยตอนบน (จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี) ซึ่งนายมีศักดิ์  ภักดีคง  อธิบดีกรมประมง  ได้มีนโยบายและข้อสั่งการไปยังสำนักงานประมงจังหวัดพื้นที่อ่าวไทยรูปตัว ก  และหน่วยตรวจการประมง  ที่รับผิดชอบควบคุมพื้นที่ ดำเนินการประชุมกลุ่มชาวประมง และเร่งประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง  เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้พี่น้องชาวประมงได้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำการประมงลูกหอยแครง โดยใช้วิธีการที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย

อย่างไรก็ตามกรมประมงคาดว่า หากพี่น้องชาวประมงเข้ามามีส่วนร่วมและเป็นกำลังหลักในการวางแผนเพื่อการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรด้วยวิธีการที่เหมาะสมถูกต้อง ร่วมกันปรับเปลี่ยนวิธีการ งดเว้นการใช้เครื่องมือทำการประมงที่ผิดกฏหมาย ก็จะสามารถลดความสุญเสีย ลดความขัดแย้ง สามารถสร้างเศรษฐกิจฐานราก สร้างอาชีพ และก่อให้เกิดความยั่งยืนของทรัพยากรประมงได้ต่อไป

 

 

 

You May Have Missed!

1 Minute
โรงพยาบาล
สำนักอนามัยจัดกิจกรรมรณรงค์วันส้วมโลก ประจำปี 2567 ณ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
1 Minute
โรงพยาบาล
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ จัดพิธีทำบุญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงพยาบาล
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ทรู แจกใหญ่ จัดหนัก กับ แคมเปญ “รวยคูณสอง แจกทอง แจกรถ” ร่วมกับ 8 พาร์ทเนอร์ชั้นนำ มอบโชคใหญ่ให้ลูกค้าทรู ดีแทค รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท เพียงสมัครบริการเสริม ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลทันที ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พ.ค. 68
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
คณะกรรมการบริหารโรงเรียนปลูกปัญญา แต่งตั้ง “บิ๊กทิน” ผจก.ฟุตซอลทีมชาติไทย  เป็นประธานที่ปรึกษาโรงเรียน