น้ำท่วมนราธิวาส วิกฤติต่อเนื่อง หลังฝนกระหน่ำไม่หยุด
รายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมระลอกที่ 4 จากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า ล่าสุดฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันยังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกในระยะนี้ ทำให้แม่น้ำสายหลัก 3 สาย คือ แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำสุไหงโก-ลกและแม่น้ำบางนรา มีปริมาณน้ำล้นตลิ่งและสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรของประชาชน ที่ปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มขยายวงกว้างจาก 6 อำเภอเมื่อวานนี้เป็น 9 อำเภอ ประกอบด้วย บาเจาะ ยี่งอ สุไหงปาดี เจาะไอร้อง ระแงะ จะแนะ แว้ง สุคิริน และสุไหงโก-ลก และอำเภอที่ถือว่าอยู่ในสภาวะวิกฤติมี 3 อำเภอ คือ อำเภอสุคิริน แว้งและสุไหงโก-ลก ที่ได้รับอิทธิพลจากมวลน้ำป่าที่สะสมอยู่บนเทือกเขาสันกาลาคีรี ในพื้นที่ อ.สุคิริน ไหลลงมาสมทบ ลงสู่แม่น้ำสุไหงโก-ลก เพื่อระบายลงสู่ทะเลด้านอำเภอตากใบ
โดยอำเภอสุคิริน ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากและท่วมฉับพลัน ในพื้นที่ 5 ตำบล 37 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 1,401 ครัวเรือน รวม 3,200 คน ถนนสายหลัก 5 สาย มีน้ำท่วมขังยานพาหนะขนาดใหญ่ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ คอสะพานชำรุด 3 แห่ง จากกระแสน้ำกัดเซาะ ประกอบด้วย คอสะพานบ้านยาเด๊ะ ม. 2 ต.มาโมง คอสะพานบ้านไอยามู ม. 2 ต.เกียร์และคอสะพานบ้านสายบริษัทม. 2 ต.เกียร์ ได้รับความเสียหายทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้
ซึ่งล่าสุด นายอรุณ ศรีใส นายอำเภอสุคิรินได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย และได้อพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการปรับพื้นที่ที่มีดินสไลด์ทับเส้นทาง ให้ประชาชนสามารถนำยานพาหนะสัญจรไปมาได้ตามปกติแล้ว
ส่วนพื้นที่ อ.แว้ง ซึ่งรองรับมวลน้ำป่าจากเทือกเขาสันกาลาคีรี ในพื้นที่ อ.สุคิริน ไหลผ่าน นั้น ยังคงมีน้ำท่วมขัง 6 หมู่บ้าน 4 ตำบล คือ บ้านตือมายู ม.1 ต.เอราวัณ บ้านไม้ฝาด ม.8 ต.กายูคละ บ้านจ๊ะเหม ม.3 บ้านนูโร๊ะ บ้านจะมาแก๊ะ ม.3 ต.แว้ง มีน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 40 ซ.ม. ซึ่งหนักที่สุดอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านบูเก๊ะตา ม.2 ต.โล๊ะจูด โดยมีระดับน้ำท่วมที่ทรงตัวสูงโดยเฉลี่ย 60 ถึง 120 ซ.ม. เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบูเก๊ะตา ยังคงนำเรือท้องแบนมาอำนวยความสะดวกให้การช่วยเหลือประชาชนในการสัญจรไปมา
นอกจากนี้ยังมีน้ำท่วมขังถนนสายบายพาสสุไหงโก-ลก จรด บูเก๊ะตา ที่รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้เลี่ยงไปใช้ถนนสายเก่าสุไหงโก-ลก จรด แว้ง เป็นการทดแทนหากต้องการเดินทางไปยังพื้นที่ด่านพรมแดนบูเก๊ะตา
และพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นจุดน้ำท่วมซ้ำซากบริเวณที่ราบลุ่มริมตลิ่งของแม่น้ำสุไหงโก-ลก ที่มีปริมาณน้ำล้นตลิ่งเพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับ 2 เมตร ทำให้บ้านเรือนของประชาชน จำนวน 8 ชุมชน ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก คือ ชุมชนหัวสะพาน ท่ากอไผ่ ท่าโรงเลื่อย ท่าประปา ท่าเจ๊ะกาเซ็ง ท่าโปฮงยามู ท่าบือเร็งในและท่าบือเร็งนอก ซึ่งมีระดับน้ำท่วมขังสูงขึ้นในภาพรวมโดยเฉลี่ยจากวานนี้อยู่ในระดับ 70 ถึง 150 ซ.ม.
ซึ่งล่าสุด พ.ท.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 ได้สั่งการให้ ร.ท.พงศกร เทพษร รอง ผบ.ร้อย ร.15112 นำกำลังพลนั่งเรือที่ได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้าน ตระเวนในชุมชนหัวสะพานและท่ากอไผ่ ซึ่งถือว่าเป็นชุมชนที่มีน้ำท่วมหนักชุมชนหนึ่งของ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อออกให้การช่วยเหลือประชาชน หากต้องการอพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนเทศบาล 4 บ้านทรายทอง ที่นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งล่าสุดมีประชาชนจากพื้นที่ 5 ชุมชน คือ ชุมชนหัวสะพาน ท่ากอไผ่ บือเร็งใน กือดาบารูและท่าโปฮงยามู จำนวน 49 ครัวเรือน รวม 170 คน ได้อพยพไปอาศัยอยู่แล้ว
นราธิวาส/ภาพ/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ