ชมรมคนรักในหลวงร่วมกับชมรมปกครองท้องถิ่นและกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอเบญจลักษ์กว่า 300 คน
ใส่เสื้อเหลืองชูธงปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดศรีสะเกษ ได้นำชมรมคนรักในหลวงร่วมกับชมรมปกครองท้องถิ่นชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกอสม. เครือข่ายวัฒนธรรม เครือข่ายกองทุนแมุ่ของแผ่นดิน เครือข่ายศูนย์การเรียนรู้ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน คิด ทำ นำ เปลี่ยนและพสกนิกรชาวอำเภอในอำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดย มีนายสมพงษ์ อนันต์ ประธานชมรม กำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอเบญจลักษ์ นายเลิศวรรธน์ จรรย์พะสิงห์ ประธานกลุ่มโรงเรียนอำเภอเบญจลักษ์ นายจันทร์ บุญสุข ประธาน อสม.อำเภอเบญจลักษ์ นางสมร บัวเงิน ประธานกองทุนหมู่บ้านอำเภอเบญจลักษ์ จำนวนประมาณ 300 คน ร่วมกันชูถือธงชาติและฉายาลักษณ์ ในหลวง ร. 9 รัชกาลที่ 10 และอ่านแถลงการณ์ กล่าวคำปฏิญาณตนว่าจะจงรักภักดี และประกาศจุดยืนว่าขอเรียกร้องให้ทุกคนได้ร่วมปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งนี้เพื่อปกป้องสถาบันฯและแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
หลังจากนั้น นายนายสมพงษ์ อนันต์ ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอเบญจลักษ์ ก็ได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกเรียน พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ต่อนายธรรมศักดิ์ สว่างวงษ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทน นายอำเภอเบญจลักษ์ษ์ ขอให้บังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มบุคคลที่จาบจ้วงสถาบัน และขอเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป แล้วเดินทางกลับด้วยความสงบเรียบร้อย
นายนายสมพงษ์ อนันต์ ประธานชมรม กำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอเบญจลักษ์ กล่าวว่า จากเหคุการณ์ชุมนมที่ผ่านมานั้น ได้สร้างความวุ่นวายและสร้างความแตกแยกในหมู่คณะของจังหวัดศรีสะเกษเป็นอย่างมาก ในฐานะประชาชนชาวอำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จึงมีเห็นว่าควรจะแสดงออกเป็นสัญญลักษณ์ให้ทราบว่า ยังมีกลุ่มบุคคลประชาชนชาวอำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษอีกเป็นจำนวนหลายหมื่นคน ที่ไม่เห็นด้วยต่อการแสดงออกต่อการล่วงละเมิดต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และขอให้สมาชิกชมรมคนรักในหลวงอำเภออำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และ พ่อค้าประชาชนชาวอำเภอเบญจลักษ์ ได้ร่วมกันป้องป้อง เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้คงอยู่สืบไป
ข่าว/ภาพ บุญทัน ธุศรีวรรณ