สามพรานโมเดลและจ.นครปฐม รวมพลังภาคี รุกคืบขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์
จัดงานสังคมสุขใจครั้งที่7 ที่สวนสามพราน11-13 ธันวาคมนี้ ชูคอนเซ็ปต์“เราปรับ…โลกเปลี่ยน”
พร้อมเปิดตัวสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย–เส้นทางเที่ยววิถีอินทรีย์–ธุรกิจเกื้อกูลสังคม
สามพรานโมเดลสวนสามพรานจังหวัดนครปฐมผนึกกำลังร่วมกับททท. ทีเส็บสสส. เซ็นทรัลพีทีทีโกลบอลเคมิคอลรพ.มหาชัย2 เกษตรกรอินทรีย์และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐเอกชนและภาคการศึกษาเตรียมพร้อมจัดงานสังคมสุขใจครั้งที่7 ระหว่างวันที่11-13 ธันวาคม2563 ณสวนสามพรานจ.นครปฐม ภายใต้คอนเซ็ปต์“เราปรับ…โลกเปลี่ยน” ชีวิตวิถีใหม่ขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์สู่ชีวิตที่สมดุล
นายอรุษ นวราช เลขานุการมูลนิธิสังคมสุขใจ ผู้ริเริ่มการขับเคลื่อนสามพรานโมเดลและประธานจัดงานสังคมสุขใจเปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้ปลุกให้ทุกคนให้หันมาใส่ใจกับการดูแลสุขภาพเชิงรุกมากขึ้นตลอดจนให้ความสำคัญกับการเลือกอาหารที่ปลอดภัยที่ผลิตในระบบอินทรีย์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองและครอบครัว อีกทั้งใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นส่งผลทำให้งานสังคมสุขใจครั้งที่7 ในปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกปีภายใต้คอนเซ็ปต์“เราปรับ…โลกเปลี่ยน” ชีวิตวิถีใหม่ขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์สู่ชีวิตที่สมดุล โดยมุ่งเน้นให้ทุกคนได้มีเรียนรู้มีการปรับตัวมีส่วนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยสามารถมาหาแรงบันดาลใจองค์ความรู้ผลิตภัณฑ์เครือข่ายจากในงานสังคมสุขใจแล้วกลับไปทำหรือไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะเรื่องการพึ่งพาตนเองการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมลดต้นทุนเพิ่มรายได้ รวมถึงหันมาบริโภคอาหารอินทรีย์ซื้อวัตถุดิบอินทรีย์ตรงจากเกษตรกร ตลอดจนมามีส่วนร่วมขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์
ด้านนายรัฐศาสตร์ ชิดชู. รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่างานสังคมสุขใจครั้งที่7 ภายใต้แนวคิดชีวิตวิถีใหม่ขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์“เราปรับ…โลกเปลี่ยน”มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ของจังหวัดที่มุ่งส่งเสริมให้นครปฐมเป็นเมืองเกษตรและอุตสาหกรรมปลอดภัยแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ศาสนาวัฒนธรรมสังคมแห่งความรู้และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะเรื่องการพึ่งพาตนเองการดูแลสุขภาพที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทางจังหวัดจึงยินดีสนับสนุนและขอเชิญชวนให้ประชาชนในนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียงได้มาเที่ยวงานสังคมสุขใจ
ความพิเศษของงานสังคมสุขใจคือเป็นงานประจำปีที่รวมพลคนอินทรีย์ทั้งห่วงโซ่คือต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำรวมถึงมีพืชผักผลไม้สินค้าอินทรีย์ที่มั่นใจได้จากทั่วประเทศมาให้ช้อปเปลี่ยนโลกช้อปสุขภาพดีครบจบในงานเดียวโดยมีบูธสินค้าของเกษตรกรอินทรีย์จากทั่วประเทศรวมกว่า150 บูธที่พร้อมใจกันนำผลผลิตอินทรีย์สดใหม่จากฟาร์ม มาส่งมอบให้ผู้บริโภค
โดยพื้นที่จัดงานในปีนี้จะใช้บริเวณหมู่บ้านปฐมออร์แกนิกวิลเลจ หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้ในสวนสามพรานที่พร้อมเปิดให้ทุกคนได้สัมผัสเรียนรู้และเห็นความเชื่อมโยงของวิถีชีวิตอินทรีย์ทั้งห่วงโซ่ทั้งการปลูกการแปรรูปการตลาดการทำปัจจัยการผลิตการจัดการขยะ โดยใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน การพึ่งพาตนเองที่ทำให้เพิ่มรายได้ลดค่าใช้จ่ายมีสุขภาพดี โดยมีวงจรฟาร์มฐานสาธิตให้ทุกคนในครอบครัวรวมถึงเด็กๆได้ทดลองทำสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง
ในงานสังคมสุขใจครั้งที่7 ยังจะมีการเปิดตัวสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทยเป็นครั้งแรกในประเทศไทย(TOCA: Thai Organic Consumer Association) เพื่อเชื่อมโยงคนทั้งห่วงโซ่คือเกษตรกรอินทรีย์ผู้ประกอบการและผู้บริโภคให้มารู้จักกันโดยเฉพาะผู้บริโภคที่TOCA จะมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับให้ผู้บริโภคมีความรู้มีความเข้าใจและมามีส่วนร่วมเป็นActive Consumers และจะมีการอัพเดทข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ตลอดจนช่วยบริหารจัดการเครื่องมือTOCA Platform ที่จะเปิดใช้งานอย่างเต็มรูปแบบต้นปีหน้าเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงแหล่งอาหารอินทรีย์ ซื้อผลผลิตตรงจากเกษตรกรหรือจองทริปท่องเที่ยววิถีอินทรีย์โดยในงานสังคมสุขใจจะมีการเปิดรับสมัครสมาชิก(ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ) และมีกิจกรรมสนุกๆพร้อมรับของรางวัลผ่านLine @ ของ TOCA
ในงานสังคมสุขใจยังจะมีการเปิดตัวทริปท่องเที่ยววิถีอินทรีย์มากกว่า20 เส้นทางเพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกไปลงพื้นที่ฟาร์มจริงเยี่ยมบ้านเกษตรกรอินทรีย์ทั้งแบบล่องคลองชมสวน เข้าค่ายเปลี่ยนฝันให้เป็นจริง เก็บผลผลิตตามฤดูกาลสดๆจากสวน เรียนรู้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน เทคนิคในแปลงอินทรีย์ทั้งการเพาะการปลูกการทำปุ๋ยหมักสูตรต่างๆ การทำสมุนไพรไล่แมลง การขยายพันธุ์ การเก็บเกี่ยวและการแปรรูป
ในงานสังคมสุขใจครั้งที่7 ยังมีทั้งองค์กรและคนต้นแบบสร้างแรงบันดาลใจอาทิคุณโจนจันไดที่พร้อมมาจุดประกายถ่ายทอดองค์ความรู้แบบไม่กั้กทั้งวิถีการทำเกษตรอินทรีย์การพึ่งพาตนเองการฝ่าวิกฤติโควิด การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนและที่ต้องห้ามพลาดสำหรับองค์กรที่จะได้เรียนรู้จากองค์กรธุรกิจชั้นนำเช่นบริษัทแสนสิริ บริษัทมั่นคงเคหะการ ชีวจิตบริษัทพีทีทีโกลบอลเคมิคอลและSukina ที่มาเป็นพันธมิตรกับสามพรานโมเดลโดยสามารถนำโมเดลธุรกิจเกื้อกูลสังคมไปขยายผลตอบโจทย์ความยั่งยืนได้ตามบริบทของแต่ละแห่ง เช่นพีทีทีโกลบอลเคมิคอลมีการปรับมุมคิดงานซีเอสอาร์สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมพัฒนาเกษตรกรคนต้นน้ำให้ทำเกษตรอินทรีย์โดยมีสามพรานโมเดลไปให้ความรู้การทำเกษตรอินทรีย์ในระบบรับรองอย่างมีส่วนร่วมและเชื่อมโยงกับแบรนด์ปฐมเพื่อแปรรูปผลผลิตยกระดับให้เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพแบรนด์พรีเมี่ยม
ภายในงานสังคมสุขใจครั้งที่7 ยังมีฐานกิจกรรมเวทีเสวนาสร้างสรรค์มากมายตลอด3 วัน ด้วยแนวคิดของการจัดงานเราปรับ..โลกเปลี่ยนงานสังคมสุขใจปีนี้จะเป็นโอกาสของคนไทยที่ห่วงใยใส่ใจสุขภาพให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคมอินทรีย์ การเกื้อกูลสังคมและมีความสนใจอยากเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ อยากมีส่วนร่วมขับเคลื่อนได้มาเที่ยวมาเรียนรู้มาหาแรงบันดาลใจ มาหาเครือข่ายพันธมิตรเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ตนเองโดยตลอด3 วันเรามีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด มีจุดเช็คอินเช็คเอ๊าท์ตรวจวัดอุณหภูมิกำหนดเว้นระยะห่างทางสังคมประชาสัมพันธ์ให้มีการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลามีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริการทุกจุดพร้อมชวนทุกคนช้อปรักษ์โลกพกถุงผ้าตระกร้ามาช้อปตลอดงาน
ท่ามกลางธรรมชาติและโลกที่เปลี่ยนแปลงไปการสรรหาแนวทางใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนได้ทั้ง4 มิติคือเศรษฐกิจสังคมสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นงานสังคมสุขใจครั้งที่7 “เราปรับ…โลกเปลี่ยน” จึงเป็นคำตอบที่ผู้สนใจมาได้ตลอด3 วัน(ไม่มีค่าใช้จ่าย) ระหว่างวันที่11-13 ธันวาคมนี้ ณ สวนสามพราน จ.นครปฐม ตั้งแต่ เวลา09.00-17.00 น. โดยสอบถามข้อมูลการเดินทางได้ที่โทร034 322 588-93 หรือติดตามกิจกรรมที่Facebook/งานสังคมสุขใจสวนสามพราน https://www.facebook.com/SangkomSookjai
งานสังคมสุขใจครั้งที่7 ได้รับความร่วมมือสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนอาทิการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม(สกสว.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(NIA) บริษัทพีทีทีโกลบอลเคมิคอลจำกัด(มหาชน) ชีวจิตบริษัทกลุ่มเซ็นทรัลโรงพยาบาลมหาชัย2 ส่วนราชการจังหวัดนครปฐมแบรนด์ปฐมและสวนสามพราน