“เฉลิมชัย’ ติดตามการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด แก้ปัญหาความเดือดร้อนจำเป็นเร่งด่วน
ทั้งปัญหาขยะในพื้นที่ ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายประมงอย่างจริงจัง และผลกระทบจากโควิด-19
พร้อมให้ความสำคัญทั้งในส่วนของภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวที่จะช่วยฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจ
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินการตามแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) ซึ่งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน และผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ร่วมเป็นกรรมการ โดยได้มีการประชุมและเห็นชอบประเด็นปัญหาต่าง ๆ ของจังหวัด และได้สรุปปัญหาหลักที่สำคัญและเป็นปัญหาความเดือดร้อนจำเป็นเร่งด่วน ได้แก่ 1) ปัญหาขยะในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2) ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายประมงอย่างจริงจัง และ 3) ปัญหาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโรโรนา (Covid-19)
ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้มาช่วยดูแลความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความคุ้นเคยและรับรู้ปัญหาในเบื้องต้น ซึ่งรัฐบาลอยากให้มีตัวแทนมารับทราบปัญหาได้โดยตรง หากดำเนินการแก้ไขระดับจังหวัดได้ให้รีบดำเนินการ แต่หากเกินกว่าการแก้ไขระดับจังหวัดก็จะนำประเด็นปัญหาไปนำเรียนนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งใน 3 ประเด็นหลักที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนนั้น ในส่วนของปัญหาขยะ ได้มอบหมายให้มีการประสานความร่วมมือกันในพื้นที่ พร้อมทั้งรับฟังแนวทางการแก้ไขปัญหาให้เกิดความยั่งยืน
สำหรับในส่วนการบังคับใช้กฎหมายประมงอย่างจริงจัง กระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มอบหมายกรรมมาธิการด้านการเกษตรตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณากฎหมาย พร้อมทั้งแก้ไข พ.ร.บ. ประมง โดยได้มีการเชิญทุกภาคส่วนมาให้ข้อคิดเห็น ทั้งในส่วนของประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ และจะนำไปสู่สภาผู้แทนราชฎรต่อไป อย่างไรก็ต้อง รัฐบาลต้องดู IUU เป็นหลัก แต่ต้องดูแลคนไทยเป็นหลักด้วย จึงสามารถสังเกตได้ว่าจะมีมาตรการเยี่ยวยาที่ช่วยเหลือพี่น้องชาวประมง ซึ่งเป็นการสื่อให้เห็นถึงความห่วงใยของรัฐบาล และอยากขอให้ในพื้นที่มีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ต่อพี่น้องประชาชน อีกทั้งในเรื่องแรงงานประมง ได้มีการประสานกับกระทรวงแรงงานอย่างต่อเนื่อง พี่น้องชาวประมงสามารถสอบถามความคืบหน้าได้ทั้งจากประมงจังหวัดและประมงอำเภอ
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญในเรื่องหนี้นอกระบบ ปัญหาที่ดิน และปัญหาเรื่องน้ำ ซึ่งน้ำนั้นถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อภาคการเกษตรและภาคการท่องเที่ยว จึงต้องดูให้ครอบคลุมและมีการบริหารจัดการน้ำ โดยได้มอบหมายกรมชลประทานบริหารจัดการทั้งระบบ ทั้งการอุปโภค-บริโภค ภาคการเกษตร รวมถึงภาคอุตสาหกรรมด้วย อย่างไรก็ตาม พยายามที่จะเพิ่มน้ำต้นทุนและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างคุ้มค่า
“ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนป้องการโควิด-19 อยากขอให้พี่น้องประชาชนมีการป้องกันอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ประเทศไทยจะสามารถป้องกันได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ต้องไม่ประมาท มาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลมีนั้นต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง และการล้างมือ เป็นต้น จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และขอเป็นตัวแทนรัฐบาลขอบคุณข้าราชการ ที่มุ่งมั่นทำงานอยากหนัก และพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด หากเราตั้งหลักได้ก่อนประเทศอื่น ก็จะเป็นจุดแข็งของประเทศไทย จึงให้ความสำคัญทั้งในส่วนของภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวที่จะช่วยฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจของจังหวัดได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อยากขอให้ทุกหน่วยงานดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้เหมือนคนในครอบครัว เพราะจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันต่อไป” นายเฉลิมชัย กล่าว