แกนนำศรีสะเกษจะไม่ทนยื่นหนังสือนัดชุมนุมใหญ่เสนอ 5 ข้อเรียกร้องโวยถูกคุกคามถึงบ้าน
เมื่อวันที่ 23 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายพันธ์ศักดิ์ มีแก้ว อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 8 ต.หนองห้าง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นผู้ประสานงานกลุ่มเผด็จการเป็นเหตุ ศรีสะเกษจะไม่ทน พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางไปเข้าพบกับ พ.ต.ท.ณฐพล แก้วเหลา รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อยื่นหนังสือเรื่อง แจ้งการจัดชุมนุมสาธารณะ เพื่อเสนอถึง ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ ทั้งนี้เพื่อขออนุญาตจัดการชุมนุมสาธารณะในวันที่ 31 ต.ค.63 เวลา 17.00 – 21.00 น.ที่บริเวณลานตรงข้ามศาลหลักเมืองศรีสะเกษ ซึ่ง พ.ต.ท.ณฐพล ได้นำเสนอเรื่องนี้ไปยัง พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปแล้ว
นายพันธ์ศักดิ์ มีแก้ว ผู้ประสานงานกลุ่มเผด็จการเป็นเหตุ ศรีสะเกษจะไม่ทน กล่าวว่า ตามที่กลุ่มศรีสะเกษจะไม่ทน ได้จัดกิจกรรมชุมนุม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุติความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่กรุงเทพฯ และเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ตนในนามกลุ่มศรีสะเกษจะไม่ทน จึงได้มายื่นหนังสือแจ้งการชุมนุมสาธารณะถึง ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการจัดกิจกรรมตามวันเวลาดังกล่าว ซึ่งมีการเสนอขออนุญาตใช้เสียง ขอใช้รถสุขาเคลื่อนที่กับเทศบาลเมืองศรีสะเกษแล้วด้วย โดยการนัดหมายชุมนุมครั้งนี้จะตรงกับการจัดงานเทศกาลลอยกระทง ซึ่งตนคาดว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุม ประมาณ 300 คน ตนขอยืนยันข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อเช่นเดิมคือ ให้นายกรัฐมนตรีลาออกเพราะว่าบริหารประเทศผิดพลาด ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชนอย่าบอกว่าจะแก้แล้วลักไก่เหมือนจะแก้อันนี้พวกตนไม่เอา ขอให้หยุดคุกคามประชาชนในทุกรูปแบบและปล่อยตัวผู้ชุมนุมทุกกรณีโดยไม่มีเงื่อนไข และเพิ่มเติมอีก 2 ข้อคือ ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติและรัฐประหารเรามองว่ารัฐประหารไม่ใช่ทางออก รัฐประหารยิ่งทำยิ่งจม
นายพันธ์ศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ตนและคณะ ได้จัดการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาล นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 18 ต.ค.63 ที่ผ่านมานั้น ปรากฎว่าในวันที่ 20 ต.ค.63 ได้มีชายฉกรรจ์ จำนวน 3 คน อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ไปหาตนที่บ้าน แต่ว่าตนติดภารกิจ จึงไม่ได้อยู่บ้าน โดยชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คน ได้สอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากน้าของตนที่อยู่ข้างบ้าน ทำให้ได้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับตนไป ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หากต้องการทราบข้อมูลอะไรก็สามารถที่จะโทรติดต่อตนได้ เนื่องจากว่าเบอร์โทรศัพท์ของตนก็มีปรากฎอยู่ตามหนังสือที่มีการยื่นกับส่วนราชการในเรื่องต่าง ๆ เพราะว่าจะได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องมากกว่าไปถามกับญาติของตนที่อยู่ข้างบ้าน ตนเห็นว่าการที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปตามตนถึงบ้านที่ อ.อุทุมพรพิสัยนั้น ถือว่าเป็นการคุกคามประชาชนอย่างชัดเจน
ข่าว/ภาพ บุญทัน ธุศรีวรรณ