ตาเฒ่าวัยแตะ 80 ปี ถูกหลานสาวฟ้องศาล กล่าวหาบุกรุกที่ดินและขับไล่ ผู้ใหญ่บ้านเผยทางสาธารณะเหาะมาตอนไหน สอนมารยาทเอกสารผิดควรแก้ไขไม่ใช่ดันทุรัง

ตาเฒ่าวัยแตะ 80 ปี ถูกหลานสาวฟ้องศาล กล่าวหาบุกรุกที่ดินและขับไล่

ผู้ใหญ่บ้านเผยทางสาธารณะเหาะมาตอนไหน สอนมารยาทเอกสารผิดควรแก้ไขไม่ใช่ดันทุรัง

 

วันที่ 6 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นายเริง ผุยเหง้า อายุ 77 ปี บ้านเลขที่ 36 หมู่ 4 บ้านเหล่าสวนกล้วย ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากหลานสาว ที่ยื่นฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายอีก 300,000 บาท ต่อศาลจังหวัดนครพนม กำหนดขึ้นศาลฯนัดแรกในวันที่ 26 ตุลาคม 2563

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังที่ดินที่พิพาทกันระหว่างลุงกับหลาน พบญาติและเพื่อนบ้านของนายเริงไม่ต่ำกว่า 30 คน ยืนรออยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยนายเริงเล่าว่าตนกับนายถวิล ผุยเหง้า บิดาของหลานสาวเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ตั้งแต่ หงานสาวยังไม่เกิดก็ได้จับจองที่รกร้างคนละแปลง จนกระทั่งปี 2523 ก็ได้ใบจองมาคนละใบ ทั้งสองพี่น้องต่างปลูกข้าวกินในที่ของตน โดยมีทางสาธารณะเป็นเส้นแบ่งเนื้อที่ และยังปักเสารั้วไม้ เป็นเขตกันและกัน

ภายหลังนายถวิลก็นำใบจองไปออกเป็น น.ส.3 ก. และได้เปลี่ยนเป็นโฉนดเมื่อปี 2541 ส่วนตนยังไม่มีเงินค่าดำเนินการจึงถือใบจองดังกล่าวไว้ กระทั่งนายถวิลเสียชีวิตมีหลานสา เป็นผู้จัดการมรดก และได้รับโอนกรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2559

หลังจาก หลานสาวได้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว ก็กล่าวหาตนตลอด จนญาติๆว่าบุกรุกที่ดิน จำนวน4 ไร่ 2 งาน 2 ตารางวา แม้จะอธิบายอย่างไร หลานสาวก็บอกว่าใบโฉนดไปถึงไหนก็เอาถึงนั่น ด้วยความที่ไม่อยากค้าความ ตนจึงไปขอเจรจาเพื่อยุติปัญหา หลานสาวเรียกราคาไร่ละ 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 220,000 บาท ตนได้ต่อรองขอลดเหลือ 150,000 บาท แต่หลานสาวยืนกระต่ายขาเดียว การเจรจาครั้งนั้นจึงล้มเหลว

ต่อมามีคนแนะนำว่าควรจะคุยกับหลานสาวด้วยเหตุและผล เพราะต่างก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าที่ดินของแต่ละฝ่ายอยู่ตรงไหน เป็นญาติพี่น้องกันน่าจะจบลงด้วยดี ขณะเดียวกันด้านหลานสาว ได้ไปให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน เข้ามารังวัดเขต ปรากฏว่าตนได้เห็นโฉนดที่ดินเลขที่ 11150 เลขที่ดิน 32 เนื้อที่จำนวน 19 ไร่ 40 ตารางวา ที่หลานสาวได้รับโอนกรรมสิทธิ์จากพ่อนั้น มีทางสาธารณะเกิดขึ้นมาใหม่ และเป็นทางที่ไม่มีใครรู้มาก่อน ทั้งที่จริงทางสาธารณะที่มีแต่เดิมคือบริเวณแบ่งเขตที่ดินกันตั้งแต่แรก เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการออกใบ น.ส. 3 ก. ของนายถวิลน้องชายผิดมาแต่ต้น จึงควรมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันอีกครั้ง จึงมีการคัดค้านอย่าเพิ่งปักหมุดโฉนด แต่ภายหลังมีคนแอบไปฝังหมุดโฉนดในที่ดินที่ยังไม่ได้ยุติ และก็ถูกหลานสาวยื่นฟ้องต่อศาลฯดังกล่าว

 

นางคำพา ตาสี อายุ 73 ปี บ้านเลขที่ 17/2 หมู่ 4 บ้านเหล่าสวนกล้วย และ นางรุน ผุยเหง้า อายุ 74 ปี บ้านเลขที่ 35 หมู่ 4 บ้านเหล่าสวนกล้วย ก็มาเป็นพยานยืนยันว่าทางสาธารณะอยู่บริเวณหลักรั้วไม้นี้ ไม่ใช่อยู่ในโฉนดของหลานสาวนายเริง สมัยก่อนก็ใช้เส้นทางนี้เทียวไปเทียวมาตลอด จึงเป็นไปไม่ได้ที่นายเริงจะไปบุกรุกที่ดินของหลานสาว

ด้าน นายสาย มะละ อายุ 53 ปี ที่ถูก หลานสาวนายเริงอ้างต่อศาลฯว่าเป็นพยานฝ่ายตน ได้ออกมาพูดว่าทางสาธารณะที่อยู่ในใบโฉนดของหลานสาวนายเริงนั้น เป็นทางสาธารณะเกิดใหม่ และไม่มีใครรู้มาก่อนด้วย ขณะที่นายจีระศักดิ์ สินกระทำ อายุ 57 ปี พาผู้สื่อข่าวไปดูหลักหมุดโฉนด ที่อ้างว่าเป็นเขตที่ดินของหลานสาวนายเริง


นายจำรัส ศิริดวงใจ ผู้ใหญ่บ้านเหล่าสวนกล้วย หมู่ 4 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าการออกรังวัดที่ดินก็ไม่มีการแจ้งผู้นำหมู่บ้าน ทางสาธารณะก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่มีการระบุอยู่ในใบโฉนดที่เป็นข้อพิพาท และยืนยันว่านายเริงที่กลายมาเป็นจำเลยไม่ได้บุกรุกที่ดินใครทั้งสิ้น พร้อมแนะนำว่าอยากให้เด็กควรรับฟังผู้ใหญ่บ้าง ถ้ารู้ว่าผิดควรแก้ไขไม่ใช่จะดันทุรัง

 

 

เทพพนม รายงาน