ฝูงปลาจำนวนมหาศาลแห่รับผลบุญ…พระภิกษุชราล้างบาตร แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ในแม่น้ำโขง อนาถนักคนใจบาปแอบขโมยไปขาย
วันที่ 4 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านพนอมท่า หมู่ 3 ต.พนอม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ว่า บริเวณท่าน้ำสำนักสงฆ์พนอมวนาธรรม ริมแม่น้ำโขง มีฝูงปลาหลากหลายพันธุ์ขึ้นมากินข้าวก้นบาตรของพระภิกษุจำนวนมาก จึงเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าว พบพระรังษี คุณานะโร อายุ 76 ปี พรรษาที่ 8 นั่งอ่านหนังสือพระไตรปิฎกอยู่บนแคร่ไม้ สอบถามจึงได้ความว่าท่านพื้นเพเป็นคนบ้านดอนมะจ่าง ต.ท่าบ่อสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม หลังบวชก็ออกเดินธุดงควัตรตามสถานที่ต่างๆ ก่อนที่จะมาจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ได้เป็นพระลูกวัด วัดป่านายอ บ้านนายอ หมู่ที่ 6 ต.อากาศ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร หลังออกพรรษาก็เดินธุดงค์ไปในหลายๆจังหวัด กระทั่งต้นปี 2563 แวะมาจำวัดกับพระอาจารย์ชูเจ้าสำนักสงฆ์พนอมวนาธรรม บ้านพนอมท่า หมู่ 3 ต.พนอม ซึ่ง ณ เวลานั้นเจ้าสำนักสงฆ์จำพรรษาอยู่เพียงผู้เดียว จึงชักชวนให้อยู่ช่วยกันเผยแผ่ศาสนา
พระรังษีกล่าวต่อว่า ด้วยสำนักสงฆ์หรือชาวบ้านมักเรียกกันติดปากว่าวัดป่าพนอมท่า อยู่ติดกับแม่น้ำโขง ทุกวันหลังฉันภัตตาหารเช้าก็จะต้องนำบาตรไปล้างในแม่น้ำโขง ขณะล้างบาตรก็จะแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ปรากฏว่ามีฝูงปลามาตอดกินข้าว เริ่มจากวันละ 2-3 ตัว เมื่อล้างทุกวันจำนวนปลาก็มากขึ้น ท่านเห็นว่าลำพังข้าวก้นบาตรอย่างเดียวคงไม่เพียงพอต่อฝูงปลาเหล่านี้ จึงไปซื้อหัวอาหารปลาในตลาด คนขายถามว่าเอาไปเลี้ยงปลาที่ไหน ตนตอบเลี้ยงในแม่น้ำโขงและปล่อยตามธรรมชาติ ไม่มีกระชังเหมือนที่อื่น และไม่ได้เลี้ยงเอาไว้ขาย เพราะเลี้ยงพวกเขาเหมือนสัตว์ร่วมโลก คนขายยังหัวเราะว่ามีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ซื้ออาหารปลาไปเลี้ยงในแม่น้ำโขงแบบธรรมชาติ ตนก็นำหัวอาหารมาผสมกับข้าวก้นบาตรที่เหลือคลุกเคล้สหว่านให้ปลาเหล่านั้นกิน
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา มีฝูงปลามากินข้าวก้นบาตรนับแสนๆตัว กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ประมงมาพบ เกรงจะถูกชาวประมงจับไปขาย จึงไปวางทุ่นกั้นเป็นอาณาเขตอภัยทาน ห้ามจับปลาในวงทุ่นนั้น ชาวประมงที่มีคุณธรรมก็จะหลีกเลี่ยงการหาปลาใกล้บริเวณดังกล่าว จึงกลายเป็นวังปลาที่มีปลามาเวียนว่ายอยู่อย่างมหาศาล ชาวบ้านที่ทราบก็จะซื้อหาอาหารมาถวาย โดยท่านจะให้อาหารวันละ 2 ครั้ง คือเช้าและเย็น วิธีการเรียกปลาของท่านคือจะใช้ไม้เท้าเคาะที่พื้นกระดาน 4-5 ครั้ง ปลาก็จะโผล่หัวมารอรับอาหารทันที
แต่ไม่นานมานี้ มีคนใจบาปแอบเข้ามาตัดทุ่น โดยมีเสียงคนพูดคุยกันริมฝั่ง ท่านได้ยินจึงลุกขึ้นมาดู พบคนบาปพวกนั้นใช้อุปกรณ์สวิงช้อนเอาปลาใส่จนเต็มลำเรือ แล้วเร่งเครื่องยนต์ขับออกไป ไม่นานก็กลับมาช้อนปลาใหม่อีก ท่านยืนน้ำตาไหลดูพวกใจบาปขโมยปลาที่เลี้ยงมาด้วยความเมตตา แต่ไม่กล้าโวยวายเพราะเกรงจะถูกทำร้าย อยากให้มีป้ายเขตอภัยทานปักไว้อย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นพวกคนบาปที่ไม่เกรงกลัวกฎแห่งกรรมจะเข้ามาขโมยไปอีก
พระรังษีกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การสวดมนต์บทแผ่เมตตา เป็นการตั้งและส่งความปรารถนาดีไปยังหมู่มวลมนุษย์และสรรพสัตว์ ตลอดจนเทพเทวา ภูติ ผีปีศาจไม่มีประมาณ ไม่มีขอบเขตกำหนด ไร้ซึ่งพรมแดนขวางกั้น ไม่ว่ามนุษย์ผู้นั้น หรือสรรพสัตว์นั้นๆ จะมีเชื้อชาติใด ศาสนาใด จะเกี่ยวข้องกับเราโดยความเป็นญาติ หรือสิ่งใดก็ตามแต่ จุดประสงค์ คือ ขอให้เขาได้มีความสุข อย่าได้มีความทุกข์ระทมขมขื่น
“ตามหลักการแผ่เมตตาในทางพระพุทธศาสนานั้น ในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งต่างมีสิ่งที่ตนปรารถนาคล้ายกัน คือ ความสุข รวมถึงการหลีกเลี่ยงจากภัยอันตรายต่างๆ ที่จะทำให้ชีวิตเป็นทุกข์ หากตนมีความปรารถนาในความสุขฉันใด ผู้อื่น หรือสรรพสัตว์อื่นๆ ต่างก็ต้องการความสุขฉันนั้น พระพุทธเจ้าจึงได้สอนให้เรานำความรู้สึกของตนเองเป็นเครื่องเปรียบเทียบ เข้าใจผู้อื่น จะทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ มีเมตตาต่อผู้อื่นและสรรพสัตว์ที่มีอยู่บนโลกมากขึ้น ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน การแผ่เมตตาจึงสมควรกระทำให้แก่ตนเองและผู้อื่น ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยตั้งความปรารถนาดี ความปรารถนาที่จะให้ทุกชีวิตมีความสุขเสมอกัน” พระรังษีภิกษุผู้มากด้วยเมตตา กล่าว
เทพพนม รายงาน