จ.นครพนม ประชุมคณะกรรมการฝ่ายพิธีเปิดงานและพิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์ ในงานประเพณีไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม ประจำปี 2563

จ.นครพนม ประชุมคณะกรรมการฝ่ายพิธีเปิดงานและพิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์ ในงานประเพณีไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม ประจำปี 2563

 

 

วันพุธที่ 2 กันยายน 2563 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมพระธาตุนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่) นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม มอบหมายให้นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการฝ่ายพิธีเปิดงานและพิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์ ในงานประเพณีไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันศุกร์ที่ 25 กันยายน – วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2563 รวม 10 วัน บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม และริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตเทศบาลเมืองนครพนม เพื่อเป็นการสืบสาน อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ในการสร้างประทีปเป็นพุทธบูชาในช่วงวันออกพรรษา และเป็นการส่งเสริม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ภายในจังหวัด ให้เป็นที่รู้จักกับประชาชนทั่วไปมากยิ่งขึ้น

งานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดในปีนี้ จังหวัดนครพนมได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จัดสร้างเรือไฟขนาดใหญ่ขึ้น จำนวน 13 ลำ มีมูลค่าการก่อสร้างลำละประมาณ 1 ล้านบาท โดยแต่ละลำจะมีการนำไม้ไผ่มากกว่า 5,000 ลำ มาทำเป็นโครงสร้างของเรือไฟ ซึ่งขนาดความยาวแบ่งออกเป็นขนาด 40 เมตรขึ้นไป ส่วนความสูงของเรือไฟขึ้นอยู่กับลวดลายที่ออกแบบ โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 20 – 40 เมตร มีการประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ประมาณ 30,000-50,000 ดวง ต่อหนึ่งลำเรือ โดยตะเกียงไฟจะนำไปแขวนบนเส้นลวดในตำแหน่งต่าง ๆ ที่มีการออกแบบให้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และศิลปวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น เอกลักษณ์ท้องถิ่น หรือความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ขัดกับวัฒนธรรมประเพณีและศีลธรรม ที่เมื่อจุดไฟที่ตะเกียงแล้ว จะเกิดแสงสว่างไสวเป็นลวดลายที่สวยงาม นอกจากนี้เรือไฟบางลำจะมีการออกแบบให้มีความพิเศษ เช่น มีบางส่วนเคลื่อนไหวได้ หรือสามารถพ่นไฟได้ เป็นต้น มีการไหลเรือไฟโชว์ คืนละ 2 ลำ พร้อมกับกระทงสาย (ไข่พญานาค) 6,000 ดวง

โดยกำหนด พิธีเปิดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2563 ในวันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2563 เวลา 18.30 น. บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม    พิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์ที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้นำมาจุดต่อตะเกียงบนเรือไฟทุกลำที่จังหวัดนครพนมได้สร้างขึ้นมาจากความวิริยะ อุตสาหะ โดยเป็นการนำเอาไม้ไผ่กว่า 20,000 ลำ มาสร้างเป็นเรือไฟ ก่อนที่จะประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟนับแสนดวง เพื่อให้เกิดความสว่างไสวในยามค่ำคืนภายใต้ลวดลายที่งดงามวิจิตรตระการตา ที่ศิลปินเรือไฟแต่ละอำเภอได้ออกแบบและประดิษฐ์ขึ้น เพื่อสื่อให้เห็นถึงความสมัครสมานสามัคคี ความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสืบสานประเพณี ศิลปวัฒนธรรม รวมถึงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป กลายเป็นประทีปพุทธบูชารอยพระพุทธบาท สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพญานาคที่คอยปกป้องคุ้มครองทุกคนให้มีความสุขความเจริญ ตลอดจนเป็นการขอขมาลาโทษต่อแม่น้ำโขง ที่ทุกคนได้ใช้ในการหล่อเลี้ยงชีวิตในคืนวันออกพรรษา ในวันพุธที่ 30 กันยายน 2563 เวลา 14.40 น. เริ่มต้นที่บริเวณสามแยกวัดอรัญญิกาวาส ถนนนิตโย ถึงศาลหลักเมืองนครพนม ถนนอภิบาลบัญชา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม

พิธีรำบูชาพระธาตุพนมเนื่องในงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ ประจำปี 2563 ถือเป็นประเพณีโบราณที่สืบทอดมายาวนานในช่วงเช้าของวันออกพรรษา 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ในวันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563 เวลา 08.00 น. ที่บริเวณลานหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม

พิธีเปิด”มหกรรมไหลเรือไฟ” และงานพาข้าวแลงใน วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563 เวลา 19.00 น. บริเวณลานตะวันเบิกฟ้า ริมฝั่งแม่น้ำโขง อำเภอเมืองนครพนม  พิธีทำบุญตักบาตรเทศกาลออกพรรษา(ตักบาตรเทโว) ในวันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2563 ที่บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์คจังหวัดนครพนม ริมฝั่งแม่น้ำโขง อำเภอเมืองนครพนม

 

เทพพนม รายงาน

You May Have Missed!

1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
คณะกรรมการบริหารโรงเรียนปลูกปัญญา แต่งตั้ง “บิ๊กทิน” ผจก.ฟุตซอลทีมชาติไทย  เป็นประธานที่ปรึกษาโรงเรียน
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
พิพิธภัณฑ์เกษตรฯ เตรียมจัดงานใหญ่ส่งท้ายปี งานมหกรรม ภูมิพลังแผ่นดิน
1 Minute
กิจกรรมเพื่อสังคม
ไม่สนคำ ว่าทำบุญเอาหน้า…เสี่ยเดย์ นักบุญเจ้าเดิมช่วยการศึกษาอีกกว่า 3 ล้าน
0 Minutes
โรงพยาบาล
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จัดงานวันสถาปนาครบรอบ 53 ปี ชูแนวคิด ทุ่มเทอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างประสบการณ์สุขภาพที่เหนือชั้น เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพิ่มการยอมรับและมั่นใจกับผู้มารับบริการ