“แรมโบ้” มอบป้ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย ภาคกลาง ตะวันออก และ ตะวันตก 26 จังหวัด เสริมอาชีพสร้างรายได้ ผนึกรวมไทยสร้างชาติ

“แรมโบ้” มอบป้ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย ภาคกลาง ตะวันออก และ ตะวันตก 26 จังหวัด เสริมอาชีพสร้างรายได้ ผนึกรวมไทยสร้างชาติ

 

 

วันที่ 29 สิงหาคม 2563 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธี รับมอบคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง และมอบป้ายพร้อมธงหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนฯ เรารักประเทศไทย ณ หอประชุมวิหาร 8 เซียน แปดริ้วสว่างศรัทธาธรรมสถาน ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมี นายอานนท์ แสนน่าน ประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย นายองอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นไทย พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย นางธนภัทร พันธวาส ประธานเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งประเทศไทย นายสมชัย แสงทอง รองประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทยภาคเหนือ นางนิตยา นาโล รองประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทยภาคอีสาน นายทวี ประหยัด รองประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทยภาคใต้ นายพชร ศตพรพงษ์ ประธานภาคตะวันออก นายชัยนรินทร์ กุหลาบอ่ำ ประธานภาคกลาง นายเอกสิทธิ์ หมวดทอง ประธานภาคตะวันตก และอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ พร้อมอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก รวม 26 จังหวัด เป็นตัวแทนคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดงและรับป้ายพร้อมธงมอบธงหมู่บ้านวิสาหกิจฯเรารักประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯเรารักประเทศไทย ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก 26 จังหวัด มาร่วมงานให้การต้อนรับ กว่า 2,500 คน

 

หลังจากที่มีการคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดงทั่วทั้งประเทศไทย นำร่องทางภาคอีสานที่ จ.มหาสารคาม ภาคเหนือที่ จ.เชียงราย และภาคใต้ที่ จ.นครศรีธรรมราช จนมาบรรจบทางภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก ที่จ.ฉะเชิงเทรา นับระยะเวลากว่า 5 เดือน กับการตอกตะปูปิดตาย “หมู่บ้านเสื้อแดง” อย่างถาวร รวม 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย ซึ่งนับจากนี้ไปจะเหลือไว้แค่เพียงตำนานเท่านั้น

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) กล่าวปราศรัยกับแกนนำและสมาชิกฯที่มาร่วมงานดังกล่าวว่า ขอขอบคุณแกนนำและอดีตพี่น้องคนเสื้อแดงทุกคนที่มาร่วมมือกัน เพื่อสลายสีเสื้อในครั้งนี้ เราจะไม่มีสีเสื้ออื่นๆ นอกจากสีธงชาติ ขาว น้ำเงิน แดง หมายถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันที่พวกเราคนไทยต้องช่วยปกป้องไว้ วันนี้ประเทศไทยเราต้องการความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ และรวมพลังคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน เราจะต้องเลิกการทะเลาะ เลิกขัดแย้งกัน หันหน้ามาร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อมุ่งสู่การส่งเสริมอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ปลดหนี้ปลดสินให้กับพี่น้องเกษตรกรของเราทุกคน เอาเวลาที่จะไปชุมนุมทางการเมืองบนถนน หันมาทำมาหากินดีกว่า เพื่อให้พวกเรามีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ มีกินมีใช้ ให้สุขสบายมากขึ้นกว่าเดิม และเป็นการทำให้ประทศชาติมั่นคงประชาชนมั่งคั่ง และยั่งยืน ในทุกครัวเรือน ในวันข้างหน้าอันใกล้นี้

นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า ซึ่งในวันนี้ประเทศไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล มีความตั้งใจที่จะต้องขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม ช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไปสู่ทิศทางการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน เพื่อให้บ้านเมืองของเราเจริญรุ่งเรือง ภายใต้แนวทาง “รวมไทย สร้างชาติ” ที่นายกฯได้ให้แนวทางไว้ และสำคัญที่สุดรัฐบาลมีความต้องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาความยากจน ที่ทุกคนได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา นายกและรัฐบาลได้ทุ่มเทเยียวยาดูแลพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบและจะต้องเดินหน้าดูแลต่อไป เพื่อให้ทุกคนฟื้นกลับสู่วิถีชีวิตใหม่ให้ได้ ดังนั้นการรวมตัวจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนฯเรารักประเทศไทย ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ตามศาสตร์พระราชา ถือเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุนอย่างยิ่งและตนเชื่อมั่นว่า รัฐบาลก็พร้อมจะเข้ามาดูและให้กลุ่มวิสาหกิจได้ขับเคลื่อนเดินหน้าในอาชีพให้มีรายได้มากขึ้นต่อไป

เอนก ธรรมใจ
รายงาน

 

You May Have Missed!

0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
สาวผวาหนัก ถูกโจรซุ่มชิงทรัพย์ในลานจอดรถห้างดังย่านแคราย พบคนร้ายเป็นหนี้กว่า 5 แสนบาท
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ขยี้ตารัวๆ! Ar-Lek Home ทาวน์โฮมหลังใหญ่ สไตล์มินิมอล ย่านนครปฐม ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ร่วมสร้างกรุงเทพในฝันประชาธิปัตย์ก้าวใหม่ กรุงเทพเผชิญวิกฤติทุกมิติ ฝุ่นพิษ PM 2.5  จราจร คนว่างงาน อาชญากรรมเมืองจม น้ำเน่า น้ำท่วม ฯลฯ
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.) จับมือกูรูด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม จัดสัมมนาสื่อมวลชน ชู “ไฟฟ้า” คู่ “การลดคาร์บอน” หัวใจสำคัญของการพัฒนาในพื้นที่ EEC