สน.วัดพระยาไกร “กวดขันจราจรเข้ม” ไล่จับ จยย. ปชช.ที่มาหาหมอ “รพ.เจริญกรุง” ป้ายห้ามไม่เด่นชัด
พวกตนทำผิด “มองไม่เห็น”??? “2มาตรฐานหรือไม่”
เมื่อวันที่ 10 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง “โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์” ต้องพบกับความทุกข์นับร้อยๆราย ที่ป่วยมาหาหมอ หรือมาเยี่ยมผู้ป่วยเสร็จแล้ว เมื่อเดินมาบริเวณที่จอดรถจักยานยนต์ หลังโรงพยาบาลฯก็ต้องตกใจ เพราะรถจักรยานยนต์ของตน ถูกเขียนใบสั่งจราจรและถูกล๊อคล้อโดย “ตำรวจ จราจร สน.วัดพระยาไกร” ซึ่งโดนล๊อคกันยาวเป็นแถวนับหลายสิบคัน ” ในข้อหาจอดรถซ้อนคัน” ซึ่งชาวบ้านบอกว่า มาหาหมอที่นี่ทุกเดือนมานาน และจอดซ้อนคันมานับปี ก็ไม่เห็นมีปัญหาใดๆเพราะประชาชนเข้าใจดีว่า ทางโรงพยาบาลฯ มีที่จอดจักรยานยนต์ไม่เพียงพอต่อผู้เข้ามารักษาที่นี่ จึงจำเป็นต้องจอดซ้อนคันกัน แต่พอออกมาเห็นรถโดนล๊อคล้อและได้รับใบสั่งของตำรวจ ก็สงสัยจริงๆว่าทำไมตำรวจไม่มีการติดป้ายใหญ่ให้ชัดเจน ให้ประชาชนเห็นเด่นชัดมากว่านี้ เพราะป้ายมันเล็กเกินไป หรือให้ตำรวจจราจรมาคอยไล่ คอยบอกให้ประชาชนได้รู้ว่า ห้ามจอดสักระยะหนึ่ง ประชาชนคงไม่มีใครกล้ามาจอดซ้อนคันอย่างแน่นอน แต่เอาป้ายสี่เหลี่ยมกว้างคูณยาวไม่เกิน35นิ้ว พื้นขาวตัวหนังสือสีแดง มาปิดที่กำแพงรั้วของโรงพยาบาลฯ ซึ่งมีป้ายอื่นๆหลายป้ายติดอยู่ปะปนกัน ทำให้ประชาชนไม่ได้สังเกตุป้ายห้ามจอดซ้อนคันของตำรวจจราจรที่เล็กนิดเดียวมาติดไว้ และประชาชนที่ถูกล๊อคล้อหลายราย ได้ขอให้ตำรวจที่กำลังทำหน้าที่ถูกต้องในการล๊อคล้อในที่ห้ามจอด ก็ยอมรับผิด แต่ว่าขอให้ปลดล๊อคล้อก่อนได้ไหมและจะขับรถไปเสียค่าปรับที่ สน.เอง แต่ตำรวจที่มาล๊อคล้อไม่สนใจ พูดแต่เพียงว่าให้นั่งวินรถรับจ้างไปเสียค่าปรับที่โรงพักก่อนแล้วจะปลดล๊อคให้ ” นี่คือคำพูดของตำรวจที่รักษากฏหมายจริงหรือ” ประชาชนมาที่โรงพยาบาลนั้น ก็มาแค่สองเรื่องคือป่วยและมาเยี่ยมผู้ป่วย ก็มีทุกข์พออยู่แล้ว ตำรวจไม่มีวิจารณญานเลยหรือว่า ประชาชนเขาป่วยเขาหาหมอบ่อย ควรที่จะว่ากล่าวตักเตือนไปหรือเอาป้ายใหญ่ๆมาติดให้เด่นชัดกว่านี้ หรือให้ตำรวจมาคอยบอกคอยห้ามจะดีกว่ามั้ย จะบอกว่าไม่มีกำลังตำรวจมาคอยบอกคงไม่ใช่เพราะเวลามาเขียนใบสั่งมาล๊อคล้อยังมาได้ทั้งวันเลย
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าป้ายห้ามจอดที่ติดไว้ที่รั้วโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์นั้น มันเล็กเกินไปจริงๆ หากไม่สังเกตุก็จะไม่เห็น ไม่เหมือนในบริเวณหน้า สน.วัดพระยาไกร ที่มีป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “พื้นที่ผ่อนผันจอดจักรยานยนต์ผู้มาติดต่อราชการ” ซึ่งป้ายนี้ติดให้เห็นเด่นชัดมาก แต่หลังโรงพยาบาลฯ ทำไมถึงไม่ทำป้ายแบบนี้ติดที่หลังโรงพยาบาลฯบ้าง หากเป็นป้ายใหญ่ๆ ปัญหาคงไม่เกิด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้น มาที่หน้า สน.วัดพระยาไกร เมื่อวันที่ 23 ส.ค.63 เวลาบ่าย ได้พบรถสายตรวจ 20 ของ สน.วัดพระยาไกร ทะเบียน 6กจ6606 กรุงเทพฯ ได้จอดซ้อนคันอยู่หน้า สน. ซึ่งกินเลนที่สองไปครึ่งนึงและจอดนานนับชั่วโมง แบบนี้ก็ทำได้ไม่ผิดกฏหมายหรือไงครับ หรือคิดว่าเป็นผู้รักษากฏหมายจะทำอะไรก็ได้ไม่ผิดหรืออย่างไร จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางต่อไปที่ “แยกถนนตก” ซึ่งพบรถยกสี่ล้อทะเบียนตราโล่ 06886 จอดในเส้น “ขาว-แดง” คือที่ห้ามจอด แต่รถตำรวจจราจรของ สน.วัดพระยาไกร จอดได้ไม่ผิดอีกหรือไง
และนี่ก็คือบางส่วนที่นำมาให้เห็นว่า ประชาชนตาดำๆ ที่มาใช้บริการโรงพยาบาลของรัฐ ด้วยอาการป่วยหรือมาเยี่ยมผู้ป่วยเขาก็มีความทุกข์มายมายพออยู่แล้ว ยิ่งมาเจอผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 ก็ลำบากขึ้นอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ควรมีน้ำใจไมตรี หรือ การบริการที่ดีกับประชาชนมากกว่านี้ ทั้งที่ประชาชนยอมรับผิด ที่จอดรถในที่ห้ามจอด แค่ขอเพียงให้ปลดล๊อคเพื่อขี่รถของตนไปเสียค่าปรับเอง แต่กลับไม่ยอมปลดให้ ต้องไปเสียเงินค่าปรับก่อน ถึงจะมาปลดล๊อคให้ ทำให้ประชาชนต้องเสียเงินจ้างรถเพิ่มไปอีก หากตำรวจใช้กฏหมาย100%กับประชาชน ทีพวกตนก็ทำผิดเสียเอง ไม่มีใครแตะได้ มันจะยุติธรรมหรือไม่ อย่าต้องให้สื่อมวลชนต้องคุ้ยเเคะแกะเกากันเลย และฝากไปยัง”ผู้บังคับการตำรวจจราจร”ลงมาดูให้ความยุติธรรมเป็นความเป็นธรรมกับประชาชนด้วยนะครับ