ศาลอุทธรณ์เลื่อนคดี “เจ๊สุ” อดีตเจ้าแม่เงินกู้นอกระบบ หลังดวงตาเห็นธรรม ยอมยกหนี้ให้คู่กรณี ทนายจำเลยยื่นบันทึกข้อตกลงเพื่อขอพิจารณาใหม่

ศาลอุทธรณ์เลื่อนคดี “เจ๊สุ” อดีตเจ้าแม่เงินกู้นอกระบบ หลังดวงตาเห็นธรรม ยอมยกหนี้ให้คู่กรณี ทนายจำเลยยื่นบันทึกข้อตกลงเพื่อขอพิจารณาใหม่

 

 

วันที่ 5 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครพนม ว่า ศาลจังหวัดนครพนมออกนั่งบังลังก์ อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ขอนแก่น โดยมีลูกหนี้ของ เจ๊สุ   น.ส.สุพิชญ์ฌา อภิชัจฐ์โภคิน หรือ น.ส.สุนภา เรืองสุวรรณ ปัจจุบันอายุ 61 ปี ซึ่งขณะนี้ต้องโทษอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม โดยศาลฯใช้ระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ จำเลยไม่ต้องเดินทางมาที่ศาลฯ ปรากฏว่ามีทนายของจำเลยได้ยื่นหนังสือบันทึกข้อตกลงระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้บางราย กรณีเจ๊สุยอมเจรจาเกี่ยวกับหนี้สินที่ลูกหนี้ยืมไป ศาลอุทธรณ์จึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปในวันที่ 29 กันยายน ที่จะถึงนี้

จากเรื่องราวของเจ๊สุที่ถูกระบุว่าเป็นนายทุนเงินกู้นอกระบบโหดในจังหวัดนครพนม ที่มีเหยื่อออกมาเปิดเผยพฤติกรรมของนายทุนรายนี้อย่างต่อเนื่อง จากการไล่ยึดที่ดินของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านรู้สึกกังวลต่อเรื่องราวดังกล่าว หลังจากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการ ชาวบ้านจึงเดินหน้าเอาผิดกับเจ๊สุให้ได้ โดยนางสาริกา คนฉลาด ปัจจุบันอายุ 72 ปี ชาวบ้านเหล่าภูมี ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม เป็นคนแรกที่ประกาศเดินหน้าสู้กับเจ๊สุ โดยบอกว่าจะขอลากคอนายทุนดอกโหดเข้าคุก ลองให้พวกคนรวยรู้รสชาติความทุกข์บ้างจนได้รับชัยชนะถึง 3 ศาล แล้วฟ้องกลับนายทุนโหดจนกระทั่งศาลฎีกา พิพากษาตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ สั่งจำคุกเจ๊สุเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2562 ถึงปัจจุบัน

 

ซึ่งระหว่างที่เจ๊สุถูกนางสาริกาฟ้องกลับนั้น ปี 2560 ก็เกิดคดีที่สองตามมา คือมีชาวบ้านที่เป็นลูกหนี้ของเจ๊สุ ได้ออกมาแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับเจ๊สุเพิ่มอีก รวมกว่า 40 ราย โดยในขณะนั้น พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม พร้อมด้วย พ.ต.อ.อุกฤษ ทรงชัยสงวน ผกก.สภ.เมืองนครพนมได้นำกำลังเข้าตรวจค้นสำนักงานของบริษัท ภูวษา จำกัด,บริษัทมิตรศิลป์มอเตอร์ไซต์,หจก.ภาคิณ (2016) และ บจก.พิสิษฐ์ภาคิณ ทั้งหมดตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพร้อมกันทุกจุด และควบคุมตัวนางสาวสุพิชญ์ฌา อภิชัจฐ์โภคิน หรือ นางสาวสุนภา เรืองสุวรรณ เจ้าของบริษัทไว้สอบสวนดำเนินคดี

เบื้องต้นแจ้ง 3 ข้อหา คือร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ปลอมแปลงเอกสาร และให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด จากตรวจค้นสามารถยึดเอกสารการกู้เงิน บัญชีธนาคารนับสิบเล่ม โฉนดที่ดินจำนวนหนึ่ง พร้อมเงินสดกว่าสี่แสนบาท เจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกตรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ

ด้วยคดีล่าสุดนี้เกิดจากมีชาวบ้านจำนวนมากได้ไปร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมฯว่าถูกนายทุนรายนี้เอารัดเอาเปรียบ ปล่อยเงินกู้แล้วเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด หลังจากนั้นก็มีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจให้ดำเนินคดีกับนายทุนรายนี้ หลังจากสอบสวนเจ้าทุกข์ทั้งหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขออนุมัติหมายจับกับศาลจังหวัดนครพนม ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับ แต่เจ๊สุชิงเข้ามอบตัวก่อน

โดยวันที่ 12 มีนาคม 2562 ศาลชั้นต้นอ่านคำพากษาคดีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ร่วมกับผู้เสียหายจำนวน 43 ราย ยื่นฟ้อง น.ส.สุพิชญ์ฌา อภิชัจฐ์โภคิน หรือ น.ส.สุนภา เรืองสุวรรณ โดยสั่งจำคุกเป็นเวลา 51 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ระหว่างนั้นเจ๊สุก็ยื่นอุทธรณ์ จากนั้นก็มาถึงวันที่ 5 มิถุนายน 62 ในคดีที่ 1 ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ จำคุก 2 ปี เจ๊สุจึงต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม   ระหว่างต้องโทษเจ๊สุเริ่มมองเห็นสัจธรรม จึงส่งทนายความไปเจรจาไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้ทั้ง 43 ราย เพื่อเจรจาลดหนี้จนถึงขั้นยกหนี้คืนให้ ซึ่งเบื้องต้นสามารถบรรลุข้อตกลงกับลูกหนี้บางคน จำนวน 7 ราย จึงนำมาสู่การทำหนังสือบันทึกข้อตกลง ว่าไม่ติดใจดำเนินคดีกับเจ๊สุต่อไป ทนายจำเลยจึงยื่นหนังสือที่ได้ตกลงกันไว้ต่อศาลอุทธรณ์ เป็นเหตุให้ศาลอุทธรณ์เรียกสำนวนที่มีคำพิพากษากลับไปพิจารณาใหม่อีกครั้งดังกล่าว

 

เทพพนม รายงาน

 

You May Have Missed!

0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
สาวผวาหนัก ถูกโจรซุ่มชิงทรัพย์ในลานจอดรถห้างดังย่านแคราย พบคนร้ายเป็นหนี้กว่า 5 แสนบาท
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ขยี้ตารัวๆ! Ar-Lek Home ทาวน์โฮมหลังใหญ่ สไตล์มินิมอล ย่านนครปฐม ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
0 Minutes
ข่าวประชาสัมพันธ์
ร่วมสร้างกรุงเทพในฝันประชาธิปัตย์ก้าวใหม่ กรุงเทพเผชิญวิกฤติทุกมิติ ฝุ่นพิษ PM 2.5  จราจร คนว่างงาน อาชญากรรมเมืองจม น้ำเน่า น้ำท่วม ฯลฯ
1 Minute
ข่าวประชาสัมพันธ์
สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.) จับมือกูรูด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม จัดสัมมนาสื่อมวลชน ชู “ไฟฟ้า” คู่ “การลดคาร์บอน” หัวใจสำคัญของการพัฒนาในพื้นที่ EEC