ศรีสะเกษ !! ผอ.สพม.28 ลั่น สั่งห้ามครูแหกผมเด็กเด็ดขาด ย้ำเลิกคิดวิธีเดิมๆ แนะใช้เทคนิคที่แยบยล
จากกรณีที่ น.ส.เดือน (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี เจ้าของแพร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมฝั่งแม่น้ำมูล ชาว ต.กุดเมืองฮาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊กว่า น.ส.ดาว (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ลูกสาวของตนเป็นนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขต อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ได้ถูกครูชายฝ่ายปกครองใช้มีดกรรไกรแหกเส้นผมของลูกสาวหน้าเสาธงจนแหว่งไม่เป็นทรงผม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาได้มีหลายฝ่ายออกมาหาทางช่วยเหลือเพื่อยุติปัญหาของเรื่องนี้ ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ก.ค. นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัติย์ พร้อมด้วย ดร.ชูชาติ แก้วนอก ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 (สพม.28) นายสุพร ธีรโรจน์ชาลี นายอำเภอยางชุมน้อย ผู้อำนวยการโรงเรียนที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยคณะกรรมการสถานศึกษา ครู กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้เกี่ยวข้อง ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อร่วมกันพูดคุยหารือแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ร่วมกับผู้ปกครองของนักเรียน เพื่อให้ได้ข้อยุติร่วมกันเพื่อเกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ดร.ชูชาติ กล่าวว่า หลังจากได้พูดคุยหารือร่วมกับคณะครูและผู้ปกครองของเด็กแล้ว เราได้ข้อสรุปตรงกันว่า ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมนักเรียน พ.ศ.2563 ซึ่งกำหนดให้นักเรียนชายและนักเรียนหญิงสามารถไว้ทรงผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีนักเรียนชายที่ ไว้ผมยาว ด้านข้างและด้านหลังจะต้องยาวไม่เลยตีนผม ส่วนนักเรียนหญิง ถ้ากรณีไว้ผมยาวต้องรวบผมให้เรียบร้อย เป็นระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการที่เราจะต้อง ปฏิบัติโดยเคร่งครัด ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย กรรมการสสถานศึกษาก็จะเข้ามาดูแลรับผิดชอบตรงนี้ด้วย
ทั้งนี้จากการกระทำของครูฝ่ายปกครองในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุไปนิดหน่อย ซึ่งครูก้ได้ออกมายอมรับผิดและขอโทษแม่ของเด็กแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นบทเรียนในการที่จะเอาไปใช้ในการทำงานต่อไป อย่างไรก็ตามตนได้กำชับให้ทุกโรงเรียนไปแล้วว่า ต่อจากนี้ไปจะต้องไม่มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นเด็ดขาด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ทำไปแล้วมันไม่ใช่ผลดี ครูจะต้องมีวิธีการที่แยบยลมากกว่านี้ ต้องมีเทคนิค มีวิธีการ เป็นครูยุคใหม่ก็จะต้อง ใช้วิธีการที่นุ่มนวล ซึ่งเราทุกคนก็รู้ดีว่าอยากให้ลูกๆนักเรียนอยู่ในระเบียบวินัย แต่วิธีแหกผมลักษณะแบบนี้ ยังเป็นวิธีการแบบเดิมๆ อยู่ และจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก
ด้าน นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัติย์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้นแล้ว ทราบว่า เรื่องดังกล่าว น้องดาว ไม่ได้ทำผิดกฎอะไรของโรงเรียน ซึ่งถ้าเป็นกฎของโรงเรียนก็ต้องออกมาให้ไม่ขัดกับกฎของกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเรื่องของทรงผมที่ระบุว่า นักเรียนหญิงสามารถที่จะไว้ทรงผมสั้นหรือยาวได้ ซึ่งเรื่องนี้น้องดาว ก็ไม่ได้ทำผิดอะไร
อย่างไรก็ตามตนไม่เห็นด้วยอยู่แล้วกับการลงโทษ ด้วยการทำให้อับอาย และระเบียบกระทรวงฯก็บอกไว้ชัดว่า การลงโทษนักเรียนทำได้ด้วยวิธีการใดบ้าง ตนคิดว่าเรื่องผมยาวหรือสั้นนี้ เป็นเรื่องที่จะต้องถกเถียงกันยาว และไม่จบว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ยาวดีกว่าหรือสั้นดีกว่า แต่สุดท้ายสิ่งที่จะประคองสังคมไว้ได้คือกฎหมาย ซึ่งกฎหมายเมื่อออกมาแล้ว ไม่ว่าจะถูกใจหรือไม่ถูกใจ แต่เมื่อออกมาเป็นกฎหมายแล้วก็ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งในกรณีนี้ กฎหมายก็ออกมาชัด เมื่อเดือน พ.ค. 63 ว่า ให้นักเรียนสามารถไว้ผมยาวหรือสั้นได้ เราในสังคมก็ต้องปฏิบัติตาม โรงเรียนเป็นสังคมจำลองที่ว่า จะต้องสอนให้เรารู้ถึงหน้าที่ และเคารพสิทธิของตนเอง ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
ส่วนกรณีที่หลายๆฝ่ายตีความในเรื่องของระเบียบข้อกฎหมายของกระทรวงศึกษาธิการ สับสนไม่เข้าในนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน กับกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ได้เกี่ยวกับนักเรียน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ จะต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างชัดกับโรงเรียน ไม่ใช่กับเฉพาะโรงเรียนนี้โรงเรียนเดียว โรงเรียนทั่วประเทศก็จะได้ไม่ เกิดความไม่เข้าใจหรือเข้าใจคลาดเคลื่อนกันในการตีความกันอีก
ด้าน น.ส.เดือน แม่ของน้องดาว กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะให้ลูกเรียนที่เดิมหรือย้ายโรงเรียน ต้องดูสังคมเพื่อนๆในโรงเรียนก่อน จะเรียนได้ไหม จะอยู่ต่อไหวไหม หากกดดันมากๆ ก็อาจพิจารณาย้ายโรงเรียน แต่ปัจจุบันยังไม่คิดถึงจุดนั้น ปัจจุบันยอมรับว่ามีความกดดันเยอะมาก ตนเกรงแต่ว่าน้องดาว ลูกสาวตนจะรับแรงกดดันไม่ไหว ส่วนในเรื่องของกำลังใจตอนนี้ค่อนข้างดี มีคนให้คำแนะนำและให้กำลังใจมาก ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น หลักๆแค่อยากรู้เหตุผล ว่าทำไมครูทำเช่นนั้นกับลูกสาวตน ถ้ารู้เหตุผลตั้งแต่วันนั้นเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆก็จะไม่เกิดขึ้น.
ขอขอบคุณภาพข่าวจาก บุญทัน ธุศรีวรรณ