เปิดเทอมพิษโควิดทำให้นักเรียนตะเข็บชายแดนนราตกค้างในมาเลย์กว่า100คน
สำหรับบรรยากาศการเปิดภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2563 ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส ทั้ง 3 เขต จำนวน 379 โรง ซึ่งเปิดเทอมพร้อมกันทั้งจังหวัดในวันนี้เป็นวันแรก ท่ามกลางสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 แจ้งว่า จากการเดินทางไปตรวจสอบที่โรงเรียนบ้านบูเกะตา ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง ซึ่งอยู่ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 และเป็น 1 ใน 18 โรง ที่ตั้งอยู่บริเวณตะเข็บแนวชายแดน ของ 5 อำเภอ คือ สุไหงโก-ลก ตากใบ สุคิริน สุไหงปาดีและแว้ง
ซึ่ง นายสุพจน์ มณีรัตนโชติ ผอ.สนง.เขตพื้นที่การประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 ได้มีการเรียกประชุมผู้บริหารโรงเรียน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 63 ที่ผ่านมา พบว่ามีนักเรียนสัญชาติไทย จำนวน 151 คน หลังจากปิดเทอมได้เดินทางไปอาศัยอยู่กับบิดามารดาในพื้นที่รัฐกลันตัน ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนแต่ละแห่ง ได้มีการติดต่อประสานงานผ่านแอปพลิเคชัน LINE เพื่อให้นักเรียนกลับมาเรียนหนังสือในช่วงเปิดเทอมคือวันนี้ แต่พบว่ามีนักเรียนโรงเรียนบ้านบูเก๊ะตา ที่เดินทางไปอาศัยอยู่กับบิดามารดาในประเทศมาเลเซีย จำนวน 73 คน เดินทางกลับข้ามแดนมาเรียนหนังสือเพียง 13 คน ที่ผ่านกระบวนการดูอาการที่ศูนย์กักกัน หรือ LOCAL QUARANTINE ส่วนอีก 60 คน ผู้ปกครองยืนยันจะพักอาศัยอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากผู้ปกครองต้องทำงานหาเลี้ยงชีพที่มาเลเซีย เช่น รับจ้างกรีดยาง รับจ้างในสวนปาล์มและรับจ้างทั่วไป ส่งผลให้นักเรียนไม่สามารถข้ามพรมแดนมาเรียนหนังสือ แบบไปเช้าเย็นกลับเหมือนที่ผ่านมาได้ เนื่องจากขณะนี้ประเทศมาเลเซียยังมีมาตรการปิดประเทศอยู่ โดยนายมูฮัมมัดอดัมส์ หะยีอาลี ผอ.โรงเรียนบ้านบูเกะตา ได้แนะนำให้นักเรียนเรียนหนังสือผ่านระบบออนไลน์ที่บ้านพักในประเทศมาเลเซีย หรือ Learn from Home จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ส่วนกรณีนักเรียนอีก จำนวน 78 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนต่างๆในพื้นที่ตะเข็บรอยต่อของ 5 อำเภอ ซึ่งทางผู้บริหารโรงเรียนได้ทำการประสานผ่านไปยังบิดามารดา ซึ่งติดต่อได้บ้างและติดต่อไม่ได้บ้างโดยส่วนหนึ่งได้มีการแจ้งความประสงค์ว่า ถ้าจำเป็นจริงๆจะให้เด็กหยุดเรียน 1 ปี เนื่องจากมีภูมิลำเนาต่างพื้นที่และไม่มีเครือญาติฝั่งประเทศไทย เมื่อสภาวะไวรัสโควิด 19 คลี่คลายสู่สภาวะปกติเด็กจึงกลับมาเรียนหนังสือตามเดิม
แต่ถึงอย่างไรก็ตามในจำนวน 78 คนนี้ มีเด็กนักเรียน 9 คน ที่กำลังศึกษาโรงเรียนในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก อาทิ โรงเรียนบ้านมูโนะ โรงเรียนกวาลอซีรา โรงเรียนบ้านลูโบะซามา โรงเรียนบ้านลือโบะลือซง และโรงเรียนในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี คือ โรงเรียนบ้านสากอ ที่ผ่านกระบวนการดูอาการที่ศูนย์กักกัน หรือ LOCAL QUARANTINE ซึ่งบิดามารดาต้องทำงานหาเลี้ยงชีพที่มาเลเซีย ก็ได้ส่งนักเรียนมาอาศัยอยู่ชั่วคราวที่บ้านของเครือญาติในช่วงเปิดเทอม หากสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 กลับคืนสู่สภาวะปกติและประเทศมาเลเซียยกเลิกมาตรการปิดประเทศ ก็จะให้นักเรียนเรียนหนังสือแบบไปเช้าเย็นกลับระหว่างประเทศเหมือนที่ผ่านมา
ส่วนมาตรการความปลอดภัยในสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 แพร่ระบาด ในสถานศึกษาในช่วงเปิดเทอมแบบวิถีชีวิตใหม่ หรือ NEW NORMAL นั้น โรงเรียนบ้านบูเกะตาได้ใช้มาตรการด้านสาธารณสุข ด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคมทุกขั้นตอน 1 ถึง 2 เมตร เริ่มตั้งแต่วัดอุณหภูมิร่างกายของนักเรียน ใช้เจลล้างมือ เข้าแถวเคารพธงชาติ นั่งเรียนหนังสือ นั่งรับประทานอาหาร ซึ่งอุปกรณ์ในการรับประทานอาหาร อาทิ จาน ช้อนและแก้วน้ำ ทางนักเรียนจะนำมาจากบ้าน เพื่อป้องกันการติดเชื้อของไวรัสโควิด 19 และได้แยกนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มสีแดงและสีเขียวซึ่งมีนักเรียนแต่ละห้องเกิน 25 คน จะสลับสับเปลี่ยนกันมาเรียนหนังสือคนละวัน ส่วนกลุ่มสีเหลืองซึ่งมีนักเรียนภายในห้องน้อยกว่า 25 จะมาเรียนหนังสือทุกวัน ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
ด้าน นายมูฮัมมัดอดัมส์ หะยีอาลี ผอ.โรงเรียนบ้านบูเกะตา กล่าวว่า สำหรับโรงเรียนบ้านบูเกะตานี้ เราไม่มีนักเรียนต่างชาติหรือสัญชาติมาเลเซียมาเรียนหนังสือ แต่เป็นนักเรียนสัญชาติไทยที่ติดตามผู้ปกครองครองอยู่ในประเทศมาเลเซีย เรามีจำนวนทั้งหมด 73 คน และนักเรียน 13 คนก็กลับมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยแล้ว ในช่วงที่รัฐบาลประกาศให้กลับมา ณ ปัจจุบันผมได้รับการยืนยันและประสานงานกับผู้ปกครองแล้ว มีความจำเป็นต้องอยู่ในประเทศมาเลเซีย เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการทำงาน คือถ้าไม่มีงานก็ไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ โดยโรงเรียนได้ดำเนินการเรื่องนักเรียนที่ตกค้างในมาเลเซีย 60 คน ด้วยการเรียนออนไลน์และเรียนที่บ้าน หรือหรือ Learn from Home โดยครูจะใช้แอปพลิเคชัน LINE สั่งการบ้านให้นักเรียนทำ
ขอขอบคุณภาพข่าวจาก นูอารีซ๊ะ ยะยือริ