ไทยนั่งประธานถก 4 ประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงประชุ มคณะกรรมการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง สมัยวิสามัญ
เร่งขับเคลื่อนความร่วมมื อภายใต้ยุทธศาสตร์ 10 ปี และแผนปฏิบัติการพัฒนาลุ่มน้ำ โขงให้เป็นไปตามแผนแม้ได้รั บผลกระทบจากโควิด – 19
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำ แห่งชาติ เปิดเผยภายหลังเป็ นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง สมัยวิสามัญ (The Special Session for the MRC Joint Committee -SSJC) ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วม (JC Chair) ปี 2563 ณ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ร่ วมกับสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ กัมพูชา ไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเวียดนาม ว่า ประเทศสมาชิกได้หารือร่วมกันใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
1. การพิจารณาร่างยุทธศาสตร์การพั ฒนาลุ่มน้ำโขงระยะ 10 ปี (พ.ศ. 2564 – 2573) และการวางแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (พ.ศ.2564 – 2568) ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติ ระดับมนตรีและจัดหาแหล่งเงิ นในการดำเนินกิจกรรมต่อไป เพื่อให้ประเทศสมาชิกจั ดทำแผนปฏิบัติการของแต่ ละประเทศในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำ โขงให้เกิดความยั่งยืนและเป็ นไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ การพัฒนาและการจัดการทรัพยากรน้ำ การปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการด้านภัยแล้ งและน้ำท่วม โดยมีการวิเคราะห์แนวโน้มด้านสิ่ งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจควบคู่กันด้วย 2. เห็นชอบให้มีการปรับปรุง กิจกรรม แผนงานที่ยังค้างหรืออยู่ระหว่ างการดำเนินงาน ตามแผนปฏิบัติงานประจำปี 2563 เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่ อแผนการพัฒนาลุ่มน้ำโขง จากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิ ด-19 ส่งผลกระทบต่อการประชุมร่ วมของกลุ่มประเทศสมาชิกที่ต้ องเลื่อนออกไป ไม่เป็นไปตามกรอบระยะเวลา ซึ่งล้วนส่งผลต่อความล่าช้ าในแผนงานโครงการ รวมถึงแผนการใช้จ่ ายงบประมาณภายใต้กรอบความร่วมมื อ และกรอบระยะเวลาดำเนินงานได้ ตามเป้าหมาย
“จากการหารือกับกลุ่ มประเทศสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง ได้มีมติร่วมกันในการเร่งปรั บแผนงานโครงการ โดยจัดลำดับความสำคั ญของแผนงานโครงการ และงบประมาณ เพื่อการดำเนินงานในปีนี้เกิ ดประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้ าหมาย รวมถึงมอบให้ MRCS เตรียมจัดทำแผนการดำเนิ นงานประจำปี ของปี 2564 ให้สอดคล้องกับงบประมาณดำเนินกิ จกรรมต่าง ๆ ที่อาจจะล่าช้าและส่งผลต่ อการดำเนินการงานต่อเนื่องของปี นี้ด้วย” ดร.สมเกียรติ กล่าว
ส่วนประเด็นสุดท้าย คือ 3. พิจารณากระบวนการปรึกษาหารื อของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ของ สปป.ลาว ซึ่งขณะนี้ได้เสร็จสิ้ นกระบวนการมีส่วนร่ วมของประชาชนของประเทศสมาชิกแล้ ว ซึ่งคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCs) จะนำเข้าสู่การแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ของประเทศสมาชิกประมาณปลายเดื อนมิถุนายนนี้ เพื่อหามาตรการในการป้องกั นผลกระทบผ่านการวางแผนก่อสร้ างและออกแบบรูปแบบของเขื่อนให้ ชัดเจน โดยทั้งไทย เวียดนาม และกัมพูชา ในฐานะประเทศสมาชิกที่ใช้แม่น้ำ โขงร่วมกัน เห็นตรงกันว่าก่อนเริ่มการก่ อสร้าง ประเทศสมาชิกจะต้องมีข้อตกลงร่ วมกัน (Joint Action Plan- JAP) ต่อไป สำหรับข้อเสนอ ของ สปป.ลาว ต่อการสร้างเขื่อนสะนะคาม ที่อยู่ห่างจากชายแดนไทย ราว 23 กิโลเมตร นั้น จะยังไม่เริ่มกระบวนการรับฟั งความเห็น จนกว่าจะได้ข้อยุติของการสร้ างเขื่อนหลวงพระบาง