อธิบดีกรมฝนหลวงระบุ ปรับแผนปฏิบัติการให้สอดรับกับลมที่เปลี่ยนทิศเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ย้ายที่ตั้งหน่วยปฏิบัติการในหลายจังหวัด ยืนยัน สามารทำฝนครอบคลุมทั่วประเทศ

อธิบดีกรมฝนหลวงระบุ ปรับแผนปฏิบัติการให้สอดรับกับลมที่เปลี่ยนทิศเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

ย้ายที่ตั้งหน่วยปฏิบัติการในหลายจังหวัด ยืนยัน สามารทำฝนครอบคลุมทั่วประเทศ

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้กระแสลมซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการทำฝนหลวงได้เปลี่ยนทิศทางจากในฤดูร้อน โดยขณะนี้เป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ดังนั้นจึงต้องกำหนดที่ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงให้สามารถบินทำงานได้สอดรับกับทิศทางของลม หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจะเปิดเพิ่มเติมเป็น 12 หน่วยได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดแพร่ ตาก ลพบุรี ราชบุรี อุดรธานี ขอนแก่น สุรินทร์ นครราชสีมา ระยอง ชุมพร สุราษฏร์ธานี และสงขลา และเปิดฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 4 ฐาน ที่ จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ และบุรีรัมย์

ทั้งนี้จะปรับย้ายหน่วยมาตั้งในจังหวัดต้นลมเพราะการทำฝนต้องทำที่ต้นลม จะทำให้เกิดประโยชน์ตั้งแต่พื้นที่ต้นลมจนถึงท้ายลม โดยในภาคเหนือหน่วยซึ่งตั้งอยู่ที่เชียงใหม่จะมาตั้งที่ตาก ซึ่งจะสามารถทำฝนครอบคลุมทั้งฝั่งตะวันตกของประเทศและภาคเหนือตอนบนทั้งหมด ภาคเหนือตอนล่างมีหน่วยที่พิษณุโลกจะย้ายไปแพร่ ซึ่งจะสามารถทำฝนครอบคลุมไปถึงภาคเหนือฝั่งตะวันออก ในภาคกลางเพิ่มหน่วยที่ราชบุรีและลพบุรีไว้ ส่วนภาคใต้เพิ่มหน่วยที่ชุมพรและสุราษฎร์ธานีซึ่งต้องเร่งทำฝนช่วยสวนผลไม้ซึ่งประสบภัยแล้ง ส่วนหน่วยสงขลานั้นจะเน้นสร้างความชุ่มชื้นให้ป่าพรุที่สำคัญได้แก่ ป่าพรุโต๊ะแดงและป่าพรุบาเจาะที่นราธิวาสเพื่อป้องกันไฟป่า การที่ภาคใต้มีหลายหน่วยเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่ยาวจึงต้องตั้งหน่วยปฏิบัติการให้ครอบคลุม สำหรับใช้อากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรที่ประจำทุกหน่วยมีรวม 21 ลำ ได้แก่ ชนิด CN 1 ลำ CASA 9 ลำ CARAVAN 9 ลำ Super King Air 2 ลำ และอากาศยานที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ 5 ลำ ได้แก่ ชนิด BT 3 ลำ และ AU 2 ลำ