ทพ.13 สระแก้ว สกัดจับ 12 เขมร นั่งในรถ ขับซิ่งแหกด่านหนีหลบชนต้นไม้ สารภาพใกล้อดตายไม่มีงานทำจากพิษโควิดฯ เลยลักลอบข้ามแดนเข้ามาเพื่อหางานทำ
ทหารพรานกรม13 คลองหาด สระแก้ว เข้าไล่สกัดล่าจับกุมชาวกัมพูชา 12 คน ลักลอบข้ามชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีคนนำพาขับรถซิ่งแหกด่านหลบหนี ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามไล่ล่าจนรถยนต์ชนต้นไม้และสามารถจับกุมได้ ส่วนคนนำพาหลบหนีหลังรถประสบอุบัติเหตุ ด้านแรงงานกัมพูชา รับสารภาพอยู่ในกัมพูชาไม่ได้แล้ว เพราะเริ่มอดอยากอย่างหนัก ตกงานไม่มีจะกินเพราะพิษโควิดฯหลังปิดชายแดนหลายเดือน เลยชักชวนกันข้ามแดนเข้ามา พร้อมติดต่อนายหน้า โดยถูกเรียกค่านายหน้าสูงถึงหัวละ 3,000 บาท
จากการที่ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ได้เดินทางไปรับตัวชาวกัมพูชาที่หลบหนีเข้าเมือง จำนวน 12 คน เป็นชาย 8 คน และหญิง 4 คน โดยได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดเคลื่อนที่เร็ว กรมทหารพรานที่ 13 อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ติดตามไล่ล่าและสามารถจับกุมได้บนถนนสายเขาฉกรรจ์-บ้านเขาจาน เขตติดต่อระหว่าง ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ และ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ โดยได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ที่ใช้ขนแรงงาน เกิดแหกโค้งเข้าชนต้นไม้ข้างทาง เป็นรถยี่ห้อมิตซูบิชิ รุนสเปชวาก้อนสีเทา หมายเลขทะเบียน ฌพ-1565 กรุงเทพมหานคร และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาฉกรรจ์ ร่วมตรวจสอบจับกุมและนำแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาทั้งหมดไปสอบสวน กระทั่งมีการตรวจสอบพื้นที่จับกุม ทราบว่า เป็นพื้นที่อยู่ใน ม.16 ต.คลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว จึงประสานให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเย็น รับไปดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
ร.ต.อ.ประพันธ์ พุฒมี รองสารวัตร ร้อยเวร สภ.วังน้ำเย็น เปิดเผยว่า ได้รายงานกรณีดังกล่าวให้กับ พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.วังน้ำเย็น ได้รับทราบแล้ว พร้อมกับรับตัวแรงงานชาวกัมพูชาทั้งหมดมาควบคุมตัวไว้ที่ สภ.วังน้ำเย็น เพื่อสอบสวน เบื้องต้นแรงงานรับสารภาพว่า ได้ข้ามแดนเข้ามาเพื่อที่จะมาหางานทำ และได้จ่ายค่านายหน้าให้ผู้นำพาเข้ามาคนละ 3,000 บาท โดยมีคนขับรถชื่อเล่นว่า นายบอย ซึ่งได้หลบหนีไปช่วงรถเกิดอุบัติเหตุแล้ว เป็นคนขับรถมารับโดยหลังจากนี้ จะได้ตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถ และเรียกเจ้าของรถมาสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งติดตามตัวนายบอย ผู้นำพามาดำเนินคดี ส่วนแรงงานชาวกัมพูชา หลังจากดำเนินการตามขั้นตอนเสร็จสิ้น จะต้องส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการผลักดันกลับประเทศต่อไป
นายมุณี ศิลา อายุ 40 ปี แรงงานชาวกัมพูชา เดินทางมาจากเมืองโพสัต ตอนเหนือของจังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา เล่าว่า เดินลักลอบเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงเย็นโดยมีผู้นำพาเดินลัดเลาะเข้ามาหลบและปล่อยให้นอนกันในป่าอ้อยบริเวณศาลสมเด็จพระนเรศวร บ้านเบญจขร อ.คลองหาด ตั้งแต่ช่วงสี่ทุ่ม ไปจนถึงประมาณตี 3 จะมีรถมารับและพามาแหกโค้งช่วงประมาณตี 4 หลังถูกทหารขับรถไล่ตามมาและยิงล้อรถแตกจนถูกจับกุม โดยมากันทั้งหมด 12 คน ชาย 8 หญิง 4 คน ชาวกัมพูชา บอกอีกว่า ทุกคนที่จะเข้ามาต้องจ่ายเงินค่านายหน้าคนละ 3,000 บาท ตั้งใจจะไปทำงานที่ จ.ชลบุรี ปกติจะเข้ามาประเทศไทยตามด่านต่าง ๆ หลายครั้งแล้ว แต่ช่วงนี้เกิดสถานการณ์พิษ๋โควิดฯ ทำให้ตนเองตกงานเป็นเดือน ไม่มีเงินที่จะใช้ จึงอยากเข้ามาทำงานในประเทศไทยด้วยการลักลอบเข้ามาเพื่อจะไปหางานทำในช่วงโควิด19
ทางด้าน พ.ท.กมล เรืองนาราบ รอง ผบ.กรมทหารพรานที่ 13 กล่าวว่า การเข้มงวดกวดขันเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ที่ให้หน่วยป้องกันชายแดน สกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย เพื่อปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อโควิค 19 ซึ่ง พ.อ.รณรงค์ เส็งมี ผบ.กรม ทพ.13 มอบหมายให้ ตนเองในฐานะ รอง ผบ.กรม ทพ.13 จัดกำลังพลร่วมกับชุดเคลื่อนเร็วของหน่วย จัดชุดซุ่มและตั้งด่านตรวจไม่ประจำที่ เพื่อสกัดกั้นขบวนการนำพาลักลอบแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ จนสามารถจับกุมได้ดังกล่าว
รายงานข่าวจากไตรรัตน์ มีวงษ์ จ.สระแก้ว