รอง ผบ.สูงสุด ลงพื้นที่นครพนม เยี่ยมกำลังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติและตรวจมาตรการผ่อนคลายระยะ 2
วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ที่จังหวัดนครพนม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ภายหลังมีมาตรการให้กิจการและกิจกรรมได้รับการผ่อนคลายและเปิดดำเนินการได้ จึงได้สั่งการให้มีการตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน ในโอกาสนี้ พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) จึงได้มอบหมายให้ พลเรือเอก พัชระ พุ่มพิเชษฐ์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง และคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติตามข้อกำหนดออก ตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 5 ฉบับที่ 6 และฉบับที่ 7 และคำสั่งปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่ 11/63 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เพื่อให้คำแนะนำ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินงาน การแก้ปัญหา ข้อขัดข้องต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่ชุดตรวจ ภายหลังรัฐบาลได้ประกาศการผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 2 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุป
โดยการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ประกอบไปด้วย บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ซึ่งเป็นจุดที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครพนม มีการผ่อนคลายมาตรการเกี่ยวกับการปิดช่องทางการเข้าออกของคน ยานพาหนะ และสิ่งของ เป็นการชั่วคราว ยกเว้นการนำเข้า ส่งออกสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยการศุลกากรและ สินค้าผ่านแดน โดยอนุญาตให้พนักงานขับรถสินค้า จำนวน 1 คนและคนประจำรถสินค้า จำนวน 1 คน รวมคันละไม่เกิน 2 คน และต้องผ่านการตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 จากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พรมแดนสะพานมิตรภาพ 3 แล้วเท่านั้น ที่เดิมหากบุคคลดังกล่าวข้างต้นได้ไปอยู่นอกราชอาณาจักรไทยเป็นระยะเวลาเกิน 5 ชั่วโมง เมื่อกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทยต้องเข้าสู่กระบวนการกักกันไว้เพื่อสังเกตอาการเป็นระยะเวลา 14 วัน เป็นหากบุคคลดังกล่าวข้างต้นได้ไปอยู่นอกราชอาณาจักรไทยเป็นระยะเวลาเกิน 7 ชั่วโมง เมื่อกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทยต้องเข้าสู่กระบวนการกักกันไว้เพื่อสังเกตอาการเป็นระยะเวลา 14 วัน
จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการ ร้านค้าและประชาชนที่มาใช้บริการ ที่บริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองนครพนม ร้านพลอยซุปเปอร์เซนเตอร์ ห้าง Big C สาขานครพนม ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆ แห่งที่จังหวัดนครพนมได้มีมาตรการผ่อนคลายให้กับประชาชน แต่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด คือ มีการคัดกรองวัดอุณหภูมิผู้ประกอบการ ผู้ขายและผู้ซื้อ ทำความสะอาดโดยการเช็ดทำความสะอาดพื้น พื้นผิวสัมผัส หรือแผงจำหน่ายสินค้าบ่อย ๆ ก่อนและหลังการจัดกิจกรรม ให้กำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน ให้ผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการส่วนหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเสมอ ให้มีจุดบริการที่ล้างมือพร้อมสบู่เหลวหรือเจลแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ให้เว้นระยะห่างของแผง ระยะนั่ง หรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ให้ควบคุมจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่ให้แออัดหรือลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น โดยถือหลักการเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน มีการทำทะเบียนผู้ประกอบการ กำหนดทางเข้าออกตลาดเพียงช่องทางเดียว หรือกรณีที่จำเป็นต้องมีทางเข้าทางออกหลายทาง ก็ให้มีการคัดกรองทุกช่องทางเข้าออก มีแผนผังและแบ่งโซนประเภทสินค้าในตลาด เช่น แผงขายอาหารสด อาหารบรรจุเสร็จ อาหารแห้ง แผงจำหน่ายเสื้อผ้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการแนะนำให้มีการใช้แพลตฟอร์ม ไทยชนะ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการจับจ่ายซื้อจากห้างร้านต่าง ๆ เพื่อลดความแออัด ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการสัมผัสสิ่งของและธนบัตรได้ เพราะถึงแม้รัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 2 แล้ว แต่ยังคงมีความจำเป็นที่ทุกคนต้องรักษาวินัย ในการป้องกันและเฝ้าระวังโรค คือ ความไม่ประมาท เพื่อสร้างความปลอดภัยและทำให้ประเทศไทยบรรลุผลสัมฤทธิ์ในการควบคุมโรคโควิด – 19
ภาพ/ข่าว อ๊อด ปชส. เทพพนม รายงาน