รมต.สำนักนายก พบขบวนการตุ๋นปลอมหนังสือทูต หลอกคนไทยข้ามแดน

รมต.สำนักนายก พบขบวนการตุ๋นปลอมหนังสือทูต หลอกคนไทยข้ามแดน

 

 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 พ.ค. 63 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังช่องทางข้ามธรรมชาติหลังชุมชนตันหยงมะลิ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่กลุ่มคนไทยที่ตกค้างอยู่ในรัฐต่างๆของประเทศมาเลเซีย ได้แอบลักลอบเดินทางเข้าประเทศ โดยที่ไม่ผ่านด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก เพื่อดูสภาพพื้นที่ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการลักลอบข้ามแดน ที่แม่น้ำสุไหงโก-ลก อยู่ในสภาพตื้นเขิน แม้จะมีเจ้าหน้าที่ทหารชุดควบคุมป้องกันชายแดนที่ 3 จะปฏิบัติหน้าเฝ้าช่องทางข้ามธรรมชาติก็ตาม แต่คนไทยเหล่านั้นก็ยอมที่จะถูกจับกุม เข้ากระบวนการคัดกรองเช็คประวัติ และถูกเปรียบเทียบปรับ หลังทราบว่าเมื่อผ่านกระบวนการต่างๆก็จะถูกส่งตัวไปกักดูอาการ 14 วัน ที่ภูมิลำเนาเกิด จึงทำให้กลุ่มคนไทยเหล่านั้น ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. ถึงวันที่ 30 เม.ย.63 มีการลักลอบเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายมากถึง จำนวน 1,332 คน และได้เดินทางผ่านพรมแดนสุไหงโก-ลก ถูกต้องตามกระบวนการ จำนวน 776 คน ซึ่งก่อนเดินทางกลับ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดคุยให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมทั้งได้มีการมอบเครื่องอุปโภคบริโภค ให้กับเจ้าหน้าที่ทหารไว้ใช้รับประทาน

ต่อมา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก เพื่อให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการคัดกรองและเช็คประวัติบุคคลที่เดินทางเข้าประเทศ ซึ่งทุกคนยังมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเต็มใจและเสียสละ เพื่อขจัดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่คนไทยที่ตกค้างในรัฐต่างๆของประเทศมาเลเซีย นำเข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

หลังจากนั้น นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังห้องประชุมด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก เพื่อรับฟังสถานการณ์การแพร่ระบาดและการควบคุมของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่คนไทยในประเทศมาเลเซียจะนำเชื้อมาแพร่ระบาดในประเทศ หลังจากประเทศมาเลเซียพบว่าไวรัสโควิด 19 ระบาดหนักจนทางการประเทศมาเลเซีย ต้องมีการประกาศเป็นพื้นที่สีแดงทั้งประเทศ รวมไปถึงการเดินทางกลับภูมิลำเนาของกลุ่มคนไทย ที่พบว่าใช้ช่องทางข้ามธรรมชาติเข้ากลับมา มากเป็น 2 เท่าของคนที่ได้ขออนุญาตถูกต้อง ซึ่งในที่ประชุมนายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส ได้กล่าวสรุปถึงมาตรการต่างๆ เจ้าหน้าที่ยังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้เป็นที่น่าพอใจจากการทุ่มเทการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ส่วนการกลับมาของคนไทยที่ใช้ช่องทางข้ามธรรมชาติ มีปัญหาหลายปัจจัย อาทิ เงินไม่เพียงพอ การขอใบรับรองแพทย์ที่ค่อยข้างยากและมีราคาแพง รวมไปถึงมีกลุ่มบุคคลตั้งตัวเป็นนายหน้า หลอกคนไทยด้วยการเรียกรับเงินค่าจ้างส่งกลับเข้าประเทศ ซึ่งเรื่องดังกล่าวขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตและสถานกงสุล กำลังเร่งแก้ไขปัญหาเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไทยกลับภูมิลำเนาโดยไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มนายหน้า

หลังจากประชุมแล้วเสร็จ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางประเทศมาเลเซียเขาประกาศทุกพื้นที่เป็นพื้นที่สีแดง คนไทยที่อยู่ในประเทศมาเลเซียมีความเกรงกลัว และบางท่านก็อยากจะกลับมาให้ทันเดือนรอมฏอน บางท่านลงทะเบียนแล้วรอไม่ไหว ซึ่งบางท่านเขาหมดเวลาที่อยู่ในประเทศมาเลเซียแล้ว ฉะนั้นถ้าเขาลงทะเบียนแล้วอย่างถูกต้อง อาจจะถูกด่านมาเลเซียปรับเป็นเงินเยอะ แล้วก็ทราบปัญหาแรงงานที่จะกลับมามีพวกนายหน้าแอบไปชี้แนะทำอย่างโน้นอย่างนี้ถูกต้องแล้วรับเงิน 3,000 ถึง 4,000 บาท จึงต้องการให้ทางญาติแจ้งไปยังพี่น้องประชาชนที่อยู่ในประเทศมาเลเซียให้รับทราบเรื่องนี้ด้วย

ด้าน พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รอง แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ พี่น้องเหล่านั้นที่ต้องการเดินทางเข้ามา ถูกขบวนการนายหน้าไปหลอกลวงเรื่องของการลงทะเบียน ในเรื่องของการหาใบรับรองแพทย์ ทำให้พี่น้องเหล่านั้นเสียค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ประมาณหัวละ 4,000ถึง 5,000 บาท ในการเดินทาง ขบวนการต่างๆเหล่านั้นที่เขาหลอกลวงเขาก็จะใช้ว่าเขาจะลงทะเบียนให้ หาใบรับรองแพทย์ ให้ช่วงนี้มีการพัฒนาการถึงขั้นที่ออกมาเป็นเอกสารของสถานทูตของสถานกงสุล ก็ได้ลงชื่อให้เรียบร้อยจนพี่น้องเหล่าหลงเชื่อ และเสียค่าใช้จ่ายแต่ก็ยังดีที่ขบวนการต่างๆเหล่านั้น ได้นำพาเขามาสู่หน้าด่านชายแดนสุไหงโก-ลก แต่ไม่สามารถมาลงไว้ที่หน้าด่านได้เพราะผิดกฎหมาย ขบวนการจึงนำพาพี่น้องเหล่านี้ไปข้ามตามช่องทางธรรมชาติ

 

ภาพ/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ นราธิวาส