ภาคเอกชน เชื่อ สุริยะ ไม่กลับมติแบนสาร หากกระทรวงเกษตรฯมีแผนรองรับชัดเจน
ชี้แบนคลอร์ไพริฟอส ยังมีสารอื่นทดแทน แต่ พาราควอต ยังไม่มีที่ให้ผลวัชพืชตายเฉียบพลัน ร้องกรมวิชาการเกษตร อนุญาตนำเข้าสารไกลโฟรเซตเพิ่ม3หมื่นตัน
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายวีรวุฒิ กตัญญูกุล นายกสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันนี้ อาจมีความเป็นไปได้ว่า คณะกรรมการวัตถุอันตราย อาจคงมติเดิมแต่ยืดเวลาการแบนสาร พาราควอตและคลอไพริฟอสออกไปจนถึงสิ้นปี หรืออาจแบนทันทีในเดือนมิถุนายน หากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีมาตรการรองรับชัดเจนเชื่อว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการจะไม่กลับมติ และเสียงที่สนับสนุน ทั้งฝั่งกระทรวงเกษตรฯ 4 คน กระทรวงสาธารณสุข 4 คน และ ผู้ทรงคุณวุฒิที่สนับสนุนจะไม่ยอม
ซึ่งในส่วนของสมาคมไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติมเนื่องจากที่ผ่านมารัฐได้ขยายเวลาในการระบายสินค้า พาราควอตและคลอไพริฟอส ออกมาแล้ว 6 เดือนทำให้สารที่มีในตลาดเหลือน้อย และหากแบนคลอไพริฟอสก็ยังมีสารอื่นทดแทนหลายชนิดแต่ต้นทุนอาจจะเพิ่มขึ้น
ส่วนพาราควอต จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสารใดที่มาทดแทนฉีดแล้วให้ผลทันที ซึ่งชาวไร่นิยมใช้แต่หากใช้ไกลโฟเซตสามารถทดแทนได้ร้อยละ 60-70 และใช้เวลากว่าวัชพืชจะเหี่ยวตาย ซึ่งไกลโฟเซต ขณะนี้ยังสามารถใช้ได้ โดยรัฐมีมาตรการจำกัดการใช้ แต่ขณะนี้ปริมาณสารดังกล่าวเหลือไม่ถึง 10,000 ตัน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้ที่ 50,000 ตัน โดยเดือนที่ผ่านมาผู้นำเข้าสารดังกล่าวกว่า 20 ราย ได้ประชุมร่วมกับกรมวิชาการเกษตรเพื่อขออนุญาตนำเข้า 30,000 ตัน เพื่อรองรับฤดูกาลผลิตใหม่ซึ่งการนำเข้าจะต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะอนุญาตนำเข้าหรือไม่ ปริมาณสารที่ลดลง ส่งผลให้ ราคาสารไกลโฟเซตมีราคาสูงขึ้น ขณะนี้ราคาปรับขึ้นแกลอนละ 100 บาท จากเดิมแกลอน ละ 320 เป็น 420 บาท ซึ่งหากยังไม่มีการอนุญาตนำเข้าจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรแน่นอน