มทภ.4 ควง ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงพื้นที่เยี่ยมพบปะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ที่ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์
และพูดคุยกับกลุ่มแรงงานไทยที่กลับจากมาเลเซีย พร้อมเน้นย้ำให้เฝ้าระวังแนวตะเข็บชายแดน
วันนี้ 29 เม.ย.63 พล.ท. พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่4 พร้อม นาย จารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา , นาย อำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงพื้นที่ตรวจด่านปาดังเบซาร์ติดตามการเดินทางเข้ามาของคนไทยในมาเลเซียซึ่งยังคงเรียบร้อยย้ำให้เฝ้าระวังแนวตะเข็บชายแดนตั้งแต่ จ.สตูล จ.สงขลา จนถึงจ.นราธิวาส ระยะทาง647 กิโลเมตรเพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาซึ่งได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านช่วยแจ้งเบาะแสเป็นอย่างดี
ซึ่งด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ เปิดเป็นด่านที่รับคนไทยเดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซียตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมาแทนด่านพรมแดนสะเดาที่มีปัญหาเรื่องเจ้าหน้าที่ตม.สะเดาติดเชื้อโควิดทำให้ต้องงดการเดินทางเข้ามาชั่วคราว
โดยแม่ทัพภาคที่4 ได้พูดคุยกับคนไทยที่เดินทางกลับเข้ามา ก่อนที่จะเปิดเผยถึงมาตรการป้องกันโควิด19 ในพื้นที่ชายแดนไทยมาเลเซียว่า จากการลงพื้นที่ติดตามการเดินทางของคนไทยในมาเลเซียเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือในการกักตัว รวมถึงกรณีที่อาจจะมีการลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดนตั้งแต่ จ.สตูล จ.สงขลา จนถึง จ.นราธิวาส ระยะทาง 647 กิโลเมตรนั้นได้กำชับให้เฝ้าระวังเพิ่มขึ้นและมีช่องว่างตรงไหนบ้างแต่ขณะนี้ยังไม่น่าห่วงเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในการแจ้งเบาะแสผู้ที่ลักลอบเข้ามาโดยไม่ได้ผ่านการคัดกรองซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่ายากที่จะเข้ามา
ด้าน นาย จารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จะเปิดด่านปาดังเบซาร์ให้แรงงานไทยในมาเลเซีย เดินทางเข้ามาจนหมด และได้ลงความเห็นแล้วว่า ทางด่านปาดังเบซาร์ มีความสะดวกกว่า ด่านพรมแดนสะเดา และจะปิดด่านพรมแดนสะเดา มาเปิดด่านปาดังเบซาร์ แทน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และ ได้ออกหนังสือคำสั่งด่วน ห้ามมิให้ข้าราชการออกนอกเขตพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่าห้ามข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐออกนอกพื้นที่ก่อนได้รับอนุญาต หากมีเหตุจำเป็นให้หัวหน้าหน่วยงานดังกล่าว ทำหนังสือขออนุญาตต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นลายลักษณ์อักษร เนื่องจากกลุ่มข้าราชการจะต้องปฏิบัติหน้าที่ แก้ปัญหาในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้เป็น กลุ่มเสี่ยง ที่มีการรวมกลุ่มประชุมและการทำงาน จึงต้องมีการขออนุญาตเป็นรายกรณี
ภาพ/ข่าว มณีรัตน์ แก้ววิเชียร/พิภพ ประดิษฐ์ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสงขลา