รมช. มนัญญา ออกโรง โต้เดือด ผู้โพสต์เฟสบุ๊คเกี่ยวกับความพยายามกำหนดมาตรฐาน ISO โรงผลิตและบรรจุสารเคมีการเกษตรอันตรายว่า
ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ จากใคร ให้ที่ปรึกษากฎหมายแจ้งผู้โพสต์ให้รับผิดชอบต่อการกระทำ หวังให้ลบโพสต์ ด้านผู้โพสต์ยืนยัน ไม่ลบแน่นอน
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ใช้นาม Chan Sakorn (จัน สาคร) นำข่าวที่รมช. มนัญญาให้สัมภาษณ์สื่อเพื่อยืนยันนโยบายการแบนสารเคมีการเกษตรอันตราย รวมถึงสั่งการให้กรมวิชาการเกษตรนำเสนอการกำหนดมาตรฐานISO โรงผลิตและบรรจุต่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายซึ่งจะประชุมวันพรุ่งนี้ (30 เมษายน) โดยระบุข้อความว่า “ท่านช่างหลักแหลมจริงๆ ให้นำเข้าไกลโฟเซตได้เฉพาะโรงงานที่ได้ ISO (ที่ท่านกำลังดำเนินการอยู่) เท่านั้น #SAVEเกษตรกรไทย” ซึ่งต่อมามีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายทั้งให้กำลังใจและตำหนิ รมช. มนัญญาจึงได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์ว่า “คุณอย่ามาขึ้นหัวข้อทำให้ดิชั้นเสียหายนะ ดิชั้นไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้ใครค่ะ” รวมทั้งเมื่อมีผู้มาแสดงความเห็นว่า “ถูกต้องแล้ว…ในที่สุดหางก็ออก” รมช. มนัญญาจึงตอบโต้ว่า “เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะท่าน”
ต่อรมช. มนัญญาได้มอบหมายให้ที่คณะทำงานติดต่อไปยังผู้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า ต้องรับผิดชอบต่อข้อความที่นำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ด้วย ทั้งนี้หวังว่า ผู้โพสต์จะลบข้อความออกไป แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการลบข้อความดังกล่าว ซึ่งจะให้ที่ปรึกษาด้านกฎหมายพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป
นอกจากนี้รมช. มนัญญายืนยันว่า ได้ทำความเข้าใจกับผู้แทนกระทรวงเกษตรฯ ที่เป็นกรรมการวัตถุอันตรายซึ่งจะเข้าร่วมประชุมวันพรุ่งนี้ ซึ่งย้ำว่า กระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายชัดเจนค้านการเลื่อนการยกเลิกสารพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสแน่นอน หลังจากที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกมาระบุว่า มีบุคคลและกลุ่มบุคคลทำหนังสือเสนอให้เลื่อนจากวันที่ 1 มิถุนายนนี้ไปเป็นสิ้นปี 2563 อีกทั้งกล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรยังไม่ได้ส่งมาตรการหาสารหรือวิธีการทดแทนการใช้สารเคมีที่จะแบนและมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตรระบุว่า ส่งรายละเอียดไปแล้ว ดังนั้นหวังว่า การประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันพรุ่งนี้ กรรมการแต่ละคนจะใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนและเกษตรกร รวมถึงความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ