นายทุน ผู้มีอิทธิพล รุกป่าสงวนแห่งชาติ ดังบังอี่ 3,700 กว่าไร่ ปิดตาเจ้าหน้าที่รัฐความเหลื่อมล้ำ ในสังคมไทย เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน

นายทุน ผู้มีอิทธิพล รุกป่าสงวนแห่งชาติ ดังบังอี่ 3,700 กว่าไร่ ปิดตาเจ้าหน้าที่รัฐ ความเหลื่อมล้ำ ในสังคมไทย เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน

 

 

ลงพื้นที่จริงกับทีมงานจิตอาสาทำดีเพื่อแผ่นดิน เมื่อ 16เมษายน63 โดยเฉพาะเรื่องที่ดินทำกิน  ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ  แต่ที่ดินส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยนักการเมืองและผู้มีอิทธิพล ในแต่ละท้องถิ่น ต่างก็ใช้อำนาจเงินบารมี เข้าไปบุกรุกหรือฮุบเอาป่าไม้และที่ดิน ส.ป.ก.ไปครอบครองโดยไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ดังเช่นที่จังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 เจ้าหน้าที่ภาครัฐ นำโดย ผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหารรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร นายอำเภอเมืองมุกดาหาร ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้มุกดาหาร พร้อมระดมกำลังกว่า 50 นาย เข้าทำการตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงบังอี่ และพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ถูกนายทุนบุกรุก 3,700 ไร่ ได้สร้างความเชื้อมั่นความศรัทธาให้แก่ชาวบ้านตาดำๆที่ได้พบเห็น ว่าไม่มีใครสามารถอยู่เหนือกฎหมาย แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปกว่า 3 ปี ความเชื้อมั่นความศรัทธาของชาวบ้านที่มีให้ทางเจ้าหน้าที่รัฐก็เริ่มลดลง เมื่ออำนาจเงินบารมียังไงก็อยู่เหนือกฏหมาย จะพบเห็นได้จากหลายคดีที่ผ่านมา

และวันที่ 16 เมษายน 2563 เวลา 09.00 -15.00 น.ศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทย ประจำจังหวัดมุกดาหาร โดย ร้อยตำรวจตรีสุเทียน ทองโสม ผู้ชำนาญการประจำตัว นายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย นายบรรจง ไชยเพชร พันตำรวจโทสัญญา แสงทอง นาวาตรีเจริญพร น้อยเจริญ ร้อยตำรวจเอกสุเทพ พัฒนารมย์ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านตำบลดงเย็น อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร โดยมีนายบุญเลิศ เกสีสังข์ ราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า บ้านหนองแคน ตำบลดงเย็น อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร และประชาชนในพื้นที่ ได้ร่วมพูดคุยสอบถามความคืบหน้า การตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตลอดจนข้อมูลเบื้องต้นให้รับทราบ

 

สืบเนืองจากเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 ที่ผ่านมาทางจังหวัดมุกดาหาร ได้สนธิกำลังทหาร ตำรวจ ปกครอง และเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกติดป้ายประกาศการจะเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงบังอี่แปลงที่ 2 ป่าดงบังอี่แปลงที่ 3 และพื้นที่สาธารณประโยชน์ของทางราชการที่ถูกนายทุน และผู้มีอิทธิพลบุกรุก จำนวน 7 แปลง จากทั้งสิ้น 12 แปลง เนื้อที่ 3,700 กว่าไร่ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อนำผืนป่ากลับมาเป็นสมบัติของประชาชน จนกระทั้งปัจจุบันยังพบว่าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงบังอี่ จำนวน 3,700 กว่าไร่ ที่ทางหน่วยงานราชการตรวจยึดและทำการติดป้าย ยังพบว่ามีคนงานของนายทุน ผู้มีอิทธิพลได้เข้ามาทำการกรีดยาง และใช้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าวอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายหรือเกรงกลัวเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างไร จึงขอฝากร้อยตำรวจตรีสุเทียน ทองโสม ได้นำข้อมูลดังกล่าว เรียนพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ประธานกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ช่วยตรวจสอบพร้อมเรียนถามถึงผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร อธิบดีกรมป่าไม้ ผู้มีอำนาจหน้าที่ ช่วยตรวจสอบและทำการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายให้เป็นบรรทัดฐาน อย่าเลือกปฏิบัติ

ตลอดสองข้างทางที่นายบุญเลิศ เกสีสังข์ ได้นำทีมงานเดินทางเข้ามาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว จะพบเห็นการเพาะปลูก การบุกรุกพื้นที่ ซึ่งนายทุน และผู้มีอิทธิพล ปลูกต้นยางพารา ปลูกมัน ปลูกอ้อย ซึ่งภาพรวมส่วนใหญ่พบว่าต้นยางพาราที่เพราะปลูก ในแต่ละแปลง มีการกรีดน้ำยาง มาอย่างต่อเนื่อง นั้นแสดงให้เห็นว่า ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ ออกมาติดป้ายประกาศการจะเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ นั้นแสดงให้เห็นว่า กฏหมายไม่อยู่ในสายตาของกลุ่มนายทุนแต่อย่างไร นอกจากลงตรวจสอบยังพบเห็นชาวบ้าน ที่ไม่ใช่ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลดงเย็น แต่หากเป็นชาวบ้านต่างจังหวัดที่ถูกทางนายทุน และผู้มีอิทธิพล ได้ว่าจ้างเข้ามาดูแลไร่สวนยางพารา ส่วนใหญ่จะเดินทางมารับจ้างเป็นแบบครอบครัว นอกจากนี้ชาวบ้านยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนายทุน ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารท้องถิ่นตำบลดงเย็น ได้นำงบประมาณ ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน มาก่อสร้างถนนคอนกรีต ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่ตนเองครอบครองอยู่ โดยชาวบ้านไม่ได้ใช้ประโยชน์แต่อย่างไร และอีกพื้นที่หนึ่งที่นายทุน และผู้มีอิทธิพล ได้มีการก่อสร้างโรงงานรับซื้อยางพารา ไว้ภายในพื้นที่ของตัวเอง เพื่อรองรับซื้อน้ำยางพาราจากชาวบ้าน ขณะเดียวกันยังพบเห็นห้องพักคนงานกว่า 10 ห้อง ที่ถูกสร้างขึ้นรองรับกลุ่มแรงงานของตนเอง

และนี้เป็นเพียงบางส่วนที่ทางชาวบ้านในพื้นที่ ที่ยังคงมีจิตสำนึกรักหวงแหนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงบังอี่ ได้พาทางทีมงานลงตรวจสอบ และบทสรุปบทลงเอ่ยในครั้งนี้ ก็คงขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ ราชสีห์ ผู้ภักดีต่อแผ่นดิน จะได้ระดมกำลังระดมสมอง เร่งติดตามเอาผิด นายทุน และผู้มีอิทธิพล มาดำเนินคดีได้หรือไม่ หรือเป็นแค่เพียงทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น

 

 

 

สราวุตพิราบข่าว 18 รายงาน