แม่ค้าตลาดสดเทศบาลประจวบฯ ยอมรับโพสต์ข้อมูลมั่วอ้างตลาดนัดรถไฟเสี่ยงโควิด -19

แม่ค้าตลาดสดเทศบาลประจวบฯ ยอมรับโพสต์ข้อมูลมั่วอ้างตลาดนัดรถไฟเสี่ยงโควิด -19

 

 

กรณี นางวรรณฤดี จันทร์ดา หรือเจ๊จุ๋ม อายุ 50 ปี เจ้าของตลาดนัดริมทางรถไฟ เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยนายพชร ธนาเศรษฐการ อายุ 72 ปี พ่อค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลตลาดนัดรถไฟ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ให้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับผู้เผยแพร่ข้อมูลเท็จในสังคมโซเชียลทำให้ธุรกิจตลาดนัดมีผลกระทบและ ได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 16 เมษายน จากการโพสต์ข้อความกล่าวหาในลักษณะเตือนให้ระวังปัญหาความเสี่ยงจาการติดเชื้อโรคไวรัสโควิด 19 ระบุว่า “ อย่าไปตลาดนัดรถไฟประจวบ โดยไม่จำเป็นนะ เพราะมีพ่อค้าไป กทม.มาแล้วไม่ยอมกักตัวและปิดแมส แล้วเจ้าตัวบอกว่าได้เดินไอจามไปทั่วหมดแล้ว “ มีการแชร์ข้อความในสังคมออนไลน์ ทำให้ประชาชนเกิดความหวั่นวิตก

ความคืบหน้า วันที่ 17 เมษายน นางนัฎษราภรณ์ รุ่งแสง หรือเจ๊ทราย อายุ 52 ปี แม่ค้าขายขนมหวานในตลาดสดเทศบาล อยู่บ้านเลขที่ 38 ถนนมหาราช 2 เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เบื้องต้นยอมรับว่าเป็นผู้พิมพ์ข้อความในไลน์ส่วนตัวเพื่อส่งไปให้เพื่อนเพียง 5 คน ด้วยความหวังดี ไม่ให้ไปเดินในตลาดนัดรถไฟ 14 วัน หลังจากได้ยินนายพชร คุยกับแม่ค้าที่ขายของใกล้กันเนื่องจากเดินทางไปกรุงเทพฯเมื่อกลับมาแล้วไม่ยอมกักตัว ส่วนกรณีที่นายพชร อ้างว่าพูดล้อเล่นยืนยันว่า ขณะพูดมีหน้าตาขึงขังแม่ค้าในบริเวณใกล้เคียงเป็นพยานได้ทุกคน และหากนายพชรไม่พูดที่ตลาดสดก็คงไม่มีปัญหา

 

ด้านนายพชร กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้เดินทางกลับบ้านไปหาลูกชายที่ จ.เพชรบุรี 3 วัน จากนั้นได้เดินทางกลับโดยไม่มีอาการไข้ ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 15 เมษายน ได้ไปเก็บค่าขนมจากแม่ค้ารายหนึ่งที่ตลาดสดเทศบาล และบอกแม่ค้าว่าเพิ่งกลับจาก จ.เพชรบุรี จากนั้นแม่ค้าได้เล่าว่าลูกสาวถูกกักตัวที่ จ.ปทุมธานี และ เข้าใจว่าเมื่อตนกลับจาก จ.เพชรบุรีแล้วต้องเข้าข่ายกักตัวหรือไม่ จึงพูดคุยกับแม่ค้าในลักษณะล้อเล่นว่า ไอ จาม 2-3 ครั้ง ก็ไม่เห็นเป็นไร และขอยืนยันว่าได้พุดคุยกับบุคลอื่น โดยไม่เกี่ยวข้องกับนางนัฎษราภรณ์แต่อย่างใด

นางวรรณฤดี จันทร์ดา กล่าวว่า หลังจากนางนัฎษราภรณ์ออกมายอมรับเบื้องต้น ได้แจ้งให้ขอโทษผ่านกลุ่มไลน์ที่มีการนำข้อความไปโพสต์เพื่อทุกดฝ่ายเข้าใจข้อเท็จจริง ส่วนผลของการดำเนินคดีในข้อหาตาม พรบซ.คอมพิวเตอร์ไม่สามารถยอมความได้ ก็ให้ไปจบที่กระบวนการยุติธรรม เพราะการเผยแพร่ข้อมูลในกลุ่มไลน์ทำให้มีผลกระทบผู้ประกอบการในตลาดได้รับความเสียหาย หากไม่ดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่าง ต่อไปก็จะมีการกล่าวหาในลักษณะนี้อีก

 

พิสิษฐ์  รื่นเกษม  ข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์