พิษโควิด-19…หนุ่มคาร์แคร์ตกงานกลับมาอยูู่บ้านจมน้ำตาย แม่เผยไปช่วยงานทำบุญหมู่บ้านใกล้กันแล้วจะเดินข้ามลำห้วยกลับบ้าน แต่เมาหนักพลาดจมน้ำเสียชีวิต
เมื่อเวลา 16.55 น. วันที่ 14 เม.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.เจมรัก โสสอน ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุมีผู้ตกน้ำเสียชีวิตที่บริเวณลำห้วยแฮด บ้านขมิ้น ต.ทุ่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษทราบและรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ แก้วเหลา รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน แพทย์เวร รพ.ศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า มีบรรดาญาติพี่น้องและชาวบ้านใกล้เคียงพากันมายืนดูเหตุการณ์จำนวนมาก และพบว่า บริเวณในลำห้วยแฮด มีศพของชายคนหนึ่งลอยอยู่ในน้ำ ร.ต.อ.เจมรัก จึงได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำเอาศพของผู้เสียชีวิตขึ้นมาบนตลิ่ง สภาพศพเป็นชายไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขายาวสีดำ มีบาดแผลคล้ายรอยถลอกที่บริเวณหัวไหล่ด้านขวา
จากการสอบสวนเบื้องต้น นางนิวัฒน์ ประมัต อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ 3 บ้านขมิ้น ต.ทุ่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นแม่ของผู้เสียชีวิตให้การว่า ผู้เสียชีวิตชื่อ นายอภิวัฒน์ สายเหนือ หรือสิงห์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่เดียวกัน เป็นลูกชายของตนเอง ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นพนักงานคาร์แคร์ล้างรถยนต์อยู่ที่ อ.ห้วยขะยูง จ.อุบลราชธานี แต่ปรากฏว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ทำให้ร้านคาร์แคร์ต้องหยุดกิจการจึงได้กลับมาอยู่บ้าน ก่อนเกิดเหตุเมื่อวานนี้ (13 เม.ย.63) นายอภิวัฒน์ ได้มาบอกกับตนว่า จะไปช่วยงานทำบุญงานศพที่บ้านเวียง ซึ่งเป็นหมู่บ้านอยู่ใกล้กัน จากนั้น คาดว่า ได้เดินเท้าเพื่อที่จะกลับมาที่บ้าน โดยจะเดินลัดข้ามลำห้วยแฮดซึ่งน้ำไม่ลึกมากนัก แต่คาดว่า ลูกชายของตนคงมีอาการเมาสุราหนักมาก จึงทำให้จมน้ำเสียชีวิต ตนและญาติพี่น้องพากันออกตระเวนตามหา จนกระทั่งมาพบศพลอยอยู่ในลำห้วยแฮด
ต่อมา แพทย์เวร รพ.ศรีสะเกษ ได้ทำการชันสูตรพลิกศพแล้ว ไม่พบว่า มีร่องรอยของการถูกทำร้ายร่างกายทำให้เสียชีวิตแต่อย่างใด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 24 ชม. อีกทั้งญาติพี่น้องไม่ติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิต ร.ต.อ.เจมรัก โสสอน ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ จึงได้มอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ข่าว/ภาพ … บุญทัน ธุศรีวรรณ