เลขาธิการฯศาลยุติธรรม เผยแม้โควิด19 จะระบาด ศูนย์กำไล EM” ยังคงงานไม่มีวันหยุด เพื่อให้การยกระดับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาและจำเลยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม-ขณะที่ศาลแพ่งมีนบุรีสั่งเลื่อนคดีจัดการพิเศษไปก่อน

เลขาธิการฯศาลยุติธรรม เผยแม้โควิด19 จะระบาด ศูนย์กำไล EM” ยังคงงานไม่มีวันหยุด
เพื่อให้การยกระดับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาและจำเลยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม-ขณะที่ศาลแพ่งมีนบุรีสั่งเลื่อนคดีจัดการพิเศษไปก่อน

 

วันนี้(5 เม.ย.63) นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า ในภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ในส่วนของการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาและจำเลยซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ควบคุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลในการปล่อยชั่วคราวหรือที่เรียกว่า “ศูนย์ EM” ยังคงทำหน้าที่มอนิเตอร์การใช้งานกำไลติดข้อเท้า EM ตามที่ศาลสั่งให้ติดผู้ต้องหาหรือจำเลย โดยไม่มีวันหยุด เพื่อให้การยกระดับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาและจำเลยโดยคำนึงถึงเหยื่ออาชญากรรมและความสงบสุขของสังคม รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสิทธิที่จะได้รับการปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ไม่มีหลักทรัพย์ประกันตัวให้สามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของศูนย์ EM ณ วันที่ 4 เม.ย. 63 ศาลทั่วประเทศได้มีคำสั่งให้ใช้ EM แก่ผู้ต้องหา/จำเลย รวม 3,668 เครื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของศูนย์ EM ทำการมอนิเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด เพื่อให้การจำกัดเขตพื้นที่หรือช่วงเวลาการเดินทางให้เหมาะสมต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยคำนึงถึงเหยื่ออาชญากรรมหรือผู้เสียหายในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

นอกจากนี้นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ศาลแพ่งมีนบุรี ก็เป็นอีก 1 ศาลที่มีคำสั่งให้เลื่อนคดีจัดการพิเศษ และคดีนัดสืบพยานต่อเนื่องออกไปก่อน ซึ่งอาจจะกระทบทนาย คู่ความ และประชาชน ที่มาใช้บริการศาลแพ่งมีนบุรี ซึ่งในส่วนของการบริหารจัดการคดีศาลยุติธรรม ก็ได้พยายามไม่ให้เกิดผลกระทบ การชะลอ หรือการชะงักทางคดี ดังนั้นคู่ความสามารถตรวจสอบวันนัดตามคำสั่งแจ้งยืนยัน วันนัด หรือขอเปลี่ยนแปลงวันนัดได้ ภายในวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๓ ซึ่งส่วนคดีที่นัดฟังคำพิพากษา คำสั่ง หรือคำวินิจฉัย คู่ความไม่จำต้อง เดินทางมาศาลและหากต้องการใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกา สามารถยื่นได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่เบอร์ 0 2171 4111 ต่อ 1216 , 1217 , 1513 หรือ 08 9201 0711 หรือเว็บไซต์ศาลแพ่งมีนบุรี https://civilmbc.coj.go.th/ อย่างไรก็ตาม คดีศาลแพ่ง เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ หรือทุนทรัพย์ ซึ่งประชาชนอาจจะมีความกังวล ดังนั้นศาลยุติธรรม ได้สนับสนุนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ หรือ D-Court มาสนับสนุนการทำงานของศาล และสร้างความสะดวกให้กับคู่ความในคดี เช่นการใช้ระบบยื่นฟ้องคดีแพ่ง-ส่งคำให้การ-เอกสารผ่านระบบ e-Filing เป็นต้น ซึ่งเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนอีกรูปแบบ โดยไม่ต้องเดินทางมาศาล