ตำรวจนราฯ ปล่อยแถว พร้อมปฏิบัติร่วมทุกหน่วยงาน สนับสนุนมาตการป้องกันแพร่ระบาดโควิด หลังประกาศ พรก.ฉุกเฉิน
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 3 เมษายน 2563 ที่บริเวณสถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาส นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานปล่อยแถวประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมี พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส , พ.ต.อ.กีรติ แวยูโซะ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาส , นายยะห์ยา ปะนาฆอ นายอำเภอเมืองนราธิวาส , พ.อ.พิเชษฐ์ ชุติเดโช รองผบ.ฉก.นราธิวาส , น.ท.ธีรยุทธ ภักดีภักดิ์ ผบ.ฉก.นย.ทร.33 และกองกำลังฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร กว่า 300 นาย เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้
ด้านนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส หน่วยกําลังทั้งตํารวจ ทหาร ปกครอง สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องช่วยกันระงับยับยั้งการแพร่ระบาดให้เร็วที่สุด การที่ตํารวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้บูรณาการ กําลังกับทุกภาคส่วนในวันนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่พวกเราทุกคนจะได้ช่วยกันดูแลรักษาความ ปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดความ มั่นใจในตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ และสร้างความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสต่อไป
ทั้งนี้ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ทั้งนี้ตั้งแต่ วันที่ 26 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 และออกข้อกําหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ซึ่งกําหนด ข้อห้ามแก่ประชาชนและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการ เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติ ลงได้โดยเร็วและป้องกันมิให้เกิดเหตุรุนแรงมากขึ้น และข้อกําหนด (ฉบับที่ 2) เพื่อให้มีมาตรการ ต่างๆ เพิ่มขึ้นตามความจําเป็น โดยห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่าง เวลา 22.00 ถึง 04.00 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง
สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ตํารวจภูธรจังหวัดทั่วประเทศ บูรณาการวางแผน และพิจารณาจัดกําลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้และยานพาหนะออกตรวจตรา ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง และภาคีเครือข่าย และกําชับให้เจ้าหน้าที่ยืนเว้นระยะห่าง (Social Distancing) อย่างน้อย 1 เมตร สวมหน้ากากอนามัย สายตรวจ รถจักรยานยนต์ 1 นาย ต่อ 1 คัน พร้อมจักรยานยนต์คู่ตรวจ สายตรวจรถยนต์เน้นการใช้ สัญญาณไฟวับวาบ พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนข้อกําหนด และ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการบิดเบือนข้อมูล การหลอกลวง การกักตุนสินค้า การขายสินค้าเกินราคา หรือสินค้าไม่ได้มาตรฐาน เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชน โดยให้ประสานงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยร่วมปฏิบัติอย่างใกล้ชิด รวมถึงสร้างการรับรู้โดยให้คําแนะนําเรื่องสุขอนามัยตามที่รัฐบาลได้วางแนวทางไว้และให้มีมาตรการเชิงรุก ประชาสัมพันธ์โดยใช้เครื่องขยายเสียงให้ประชาชนปฏิบัติตัวตามแนวทางป้องกัน การแพร่ระบาดของโรค และไม่ฝ่าฝืนข้อกําหนด ประกาศ หรือคําสั่งเป็นต้น
ภาพ/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ นราธิวาส