กระทรวงทรัพยฯ ระดมเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าห้วยขาแข้งและแม่วงศ์ ใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อผู้เผาป่า ลดจุดความร้อนทั่วประเทศเป็นศูนย์ตามคำสั่งนายกฯ ในสัปดาห์นี้
จ่อตัดสิทธิ์ผู้ขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าและขอเข้าทำกินตามโครงการคทช. หากพบการกระทำผิด ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายอรรพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า เร่งสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าภาคเหนือและล่าสุดที่ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดกาญจนบุรีและป่าแม่วงศ์ จังหวัดอุทัยธานี โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสั่งการให้เร่งจัดการปัญหาไฟป่า ทำให้จุดความร้อนเป็นศูนย์ภายในสัปดาห์นี้ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ควบคู่กับจัดส่งคณะเจ้าหน้าที่เข้าไปสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนที่มีรายงานเกี่ยวข้องกับการเผาป่าทำให้ขณะนี้ 4 จังหวัดภาคเหนือได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย และพะเยามีจุดความร้อนลดลง ความรุนแรงของปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาด PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเริ่มบรรเทาลง
นอกจากนี้ยังได้ให้ทุกพื้นที่ประชุมติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในเวลา 10.30 น. และสรุปรายงานของแต่ละจังหวัดภายในเวลา 11.00 น. เป็นประจำทุกวันตามนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน กระทรวงทรัพยากรฯ ประสานงานกับสำนักงานเลขาธิการอาเซียนอย่างใกล้ชิด ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดวันประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ระหว่างกรมควบคุมมลพิษของไทยและเมียนมา โดยรอยืนยันวันประชุมจากฝ่ายเมียนมา
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า จุดความร้อนที่ลดลงอย่างต่อเนื่องแสดงว่า มาตรการบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้กระทำผิดซึ่งเผาป่า รวมถึงการทำความเข้าใจและป้องปรามในพื้นที่เสี่ยงได้ผล ล่าสุดมีมาตรการเด็ดขาด โดยหากยังพบมีการเผาในพื้นที่ใดจะตัดสิทธิ์การขอใช้ประโยชน์พื้นที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนยกเลิกสิทธิ์การขออนุญาตเข้าทำกินในโครงการจัดที่ดินให้ชุมชน (คทช.) ตามนโยบายรัฐบาลทันทีแก่ผู้เกี่ยวข้องกับการเผาป่าทั้งหมดเนื่องจากสาเหตุของการเผาป่ามีทั้งจากผู้ไม่พอใจจากการเข้าไปจัดระเบียบการใช้ที่ดินในป่าให้เป็นไปตามกฎหมาย ผู้ลักลอบเผาป่าเพื่อขอขยายพื้นที่ใช้ประโยชน์ เผาเพื่อล่าสัตว์ป่า เผาเพื่อใช้ที่ดินทำการเกษตร ตลอดจนเผาพื้นที่เกษตรซึ่งอยู่ใกล้ป่า แล้วลุกลามเข้าไป
“เน้นย้ำให้การปฏิบัติงานในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยจัดเตรียมหน้ากากอนามัย ถุงมือ แอลกอฮอล์ เวชภัณฑ์ต่างๆ พร้อมอยู่แล้ว ขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟติดเชื้อโควิด-19 มีแต่การบาดเจ็บจากการลุยเข้าไปดับไฟ อีกทั้งอาการแพ้ฝุ่นควันซึ่งมีเป็นปริมาณมาก และอ่อนล้าจากการทำงานหนัก ส่วนที่เอกชนและประชาชนบริจาคเข้ามาสนับสนุน ทางกระทรวงทรัพยากรฯ ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ตระหนักถึงภารกิจที่สำคัญในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ตลอดจนสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ” นายอรรถพลกล่าว