กรมส่งเสริมฯ หนุนปลูกพืชทนแล้ง หลังสถานการณ์ภัยแล้งส่อเค้ารุนแรงมากขึ้น
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่าสถานการณ์ภัยแล้งที่มาเร็วกว่าทุกปี กระทรวงเกษตรฯ ประเมินว่า จะมีพื้นที่เสี่ยงนอกเขตชลประทาน 2.67 ล้านไร่ ทั้งข้าวพืชไร่และผัก และในจำนวนนี้อาจได้รับความเสียหายสิ้นเชิงประมาณ 375,000 ไร่ โดยขอความร่วมมืองทำนาปรัง ขณะที่กรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนโครงการปลูกพืชทนแล้ง สนับสนุนค่าเมล็ดพันธุ์เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการปลูกพืช
ทั้งนี้จากสถานการณ์ภัยแล้งที่มาเร็วและมีการคาดการณ์ว่าจะรุนแรงกว่าทุกปี จากการสำรวจของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. กำหนดจากจังหวัดที่มีฝนตกในช่วงฤดูฝนน้อยกว่า 800 มิลลิเมตร ขณะนี้ พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำนอกเขตชลประทาน ใน 20 จังหวัด 54 อำเภอ 109 ตำบล ขณะที่พื้นที่ปลูกไม้ผลนอกเขตชลประทานในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร มีถึง 30 จังหวัด
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร บอกอีกว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ได้เร่งสร้างการรับรู้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยให้ข้อมูลสถานการณ์น้ำ พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และแจ้งเตือนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกพืชให้สอดคล้องเพื่อไม่ให้ผลผลิตเสียหาย ขณะเดียวกันก็ประสานกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเพื่อหาแหล่งน้ำสำรองให้เกษตรกร
สำหรับพื้นที่ทางเกษตรที่ได้รับความเสียหายสิ้นเชิง กรมฯ ได้สนับสนุนค่าเมล็ดพันธุ์สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชใช้น้ำน้อย เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 245 บาทต่อไร่ ถั่วเขียว 200 ต่อไร่ ไม่เกิน 20 ไร่ของพื้นที่ได้รับความเสียหาย เกษตรกรที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการได้ได้ถึงวันที่ 26 ธันวาคมนี้
ส่วนแนวทางช่วยเหลือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการวางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งและจัดการพื้นที่เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงฤดูแล้งปี 2562/63 ในส่วนของพื้นที่ปลูกไม้ผลนอกเขตชลประทาน มีการจัดทำกรอบพื้นที่ปลูกไม้ผลนอกเขตชลประทานในพื้นที่เสี่ยง 30 จังหวัด /สำนักงานเกษตรและเกษตรอำเภอ ร่วมประเมินพื้นที่กับ อบต.เพื่อคาดการณ์ว่ามีพื้นที่เสี่ยงรุนแรงที่ไม้ผลจะตายได้ในฤดูแล้ง และจัดส่งข้อมูลให้ สทนช.เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องข้องวางแผนสนับสนุนแหล่งน้ำในพื้นที่เสี่ยงซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ประเมินว่า จะมีพื้นที่เสี่ยงนอกเขตชลประทาน 2.67 ล้านไร่ได้รับผลกระทบ และในจำนวนนี้อาจได้รับความเสียหายสิ้นเชิงประมาณ 375,000 ไร่