“อ.เสรี ชี้วิกฤติภัยแล้งปี62-63 รุนแรงใกล้เคียงปี58-59 จี้รัฐออกประกาศงดทำนาปรัง เร่งคุมน้ำภาคเกษตร เตือนปีหน้าเผชิญอุณหภูมิร้อนกระอักทะลุทุบสถิติสูงขึ้นในรอบ30-40ปี”
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.62 นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต กล่าวว่าประชาชนกำลังเผชิญผลกระทบจากภัยแล้ง ทั้งการประปาส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง น้ำบริโภคเริ่มขาดแคลน น้ำเค็มรุกล้ำกรมชลประทาน งดส่งน้ำทำนาปรังในภาคอีสานบน และอีสานกลาง รวมทั้งลุ่มน้ำเจ้าพระยาหลายจังหวัด ซึ่งจากภาพการคาดการณ์ปริมาณฝน 6 เดือนข้างหน้า พบว่าภัยแล้งมีแนวโน้มมากขึ้นจนถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า
ทั้งนี้ฝนจะเริ่มมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยช่วงตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงเดือนสิงหาคม ดังนั้น ชาวนาที่ทำนาปรังไปแล้ว และกำลังคิดที่จะทำจึงต้องบริหารความเสี่ยงตัวเองด้วย กล่าวคือจะมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอจนถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า ถึงฤดูเก็บเกี่ยวเดือนมีนาคม-เมษายน-พฤษภาคม ข้าวมีความเสี่ยงที่จะขาดน้ำ ในขณะที่จะอาศัยฝนก็ไม่มี จึงคาดการณ์ว่าผลผลิตนาปรังปี 2563 จะออกมาน้อยกว่าปกติ ไม่ถึง 8 ล้านตันข้าวเปลือก และปริมาณน้ำอุปโภค-บริโภคในบางพื้นที่จะไม่เพียงพอ โดยขณะนี้กำลังประเมินร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค
ส่วนในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลก็จะมีน้ำกร่อยบ้างบางช่วง ตามประกาศของการประปานครหลวง สำหรับชาวนนาที่คาดหว้งกับการทำนาปี ก็ต้องรอจนกลางปีคือเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป อย่ารีบหว่านกล้าเดือนพฤภาคมจะเสียหายได้ เนื่องจากปริมาณนำ้ต้นทุนปัจจุบันมีน้อยมากใกล้เคียงกับปีแล้ง 2558-2559 ที่ผ่านมา แต่ในปี 2558-2559 มีการประกาศให้งดทำนาปรัง จึงผ่านเหตุการณ์มาได้ ในขณะที่ในปีนี้ต่อจนถึงปีหน้า ไม่มีประกาศใดๆจึงมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถควบคุมพื้นที่เพาะปลูกได้ การใช้น้ำภาคการเกษตรจึงมีความเสี่ยงสูงกว่า
ขณะที่อุณหภูมิประเทศไทย อยากจะเรียนให้ทราบว่ามีแต่สูงขึ้น สูงขึ้นจากค่าปกติเมื่อ 30-40 ปีก่อน จากผลพวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีแต่เฉพาะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 3-9 ธันวาคม ที่อุณหภูมิรายวันต่ำกว่าปกติ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เสถียร จากความกดอากาศสูง